- 5 เมษายน 2025
- ประกันภัยรถยนต์
- 70 Views
สารบัญ
พลิกโฉมประกันภัยรถยนต์ บังคับระบุชื่อผู้ขับขี่ คิดเบี้ยตามเสี่ยง เริ่มปี 2568
ในยุคที่อุบัติเหตุบนท้องถนนเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การทำประกันรถยนต์จึงกลายเป็นเรื่องจำเป็น แต่ไม่ใช่แค่ทำประกันเท่านั้น เพราะปัจจุบันมี “กฎหมายใหม่บังคับให้ระบุชื่อผู้ขับขี่” ไว้ในกรมธรรม์อย่างชัดเจน เพื่อควบคุมความเสี่ยงและกำหนดความรับผิดชอบอย่างตรงตัว บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า กฎหมายระบุชื่อผู้ขับขี่คืออะไร สำคัญอย่างไร ใครต้องระวัง และมีผลกระทบอะไรกับเจ้าของรถบ้าง ถ้าไม่ระวัง อาจเสียประโยชน์ทั้งเรื่องค่าสินไหมและค่าเบี้ยประกันอย่างไม่รู้ตัว
แนวคิดใหม่ บังคับระบุชื่อผู้ขับขี่
ปี 2568 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เตรียมบังคับให้ผู้ทำประกันภัยรถยนต์ระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ พร้อมคิดเบี้ยประกันตามความเสี่ยงที่แท้จริง บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้หมายถึงอะไร และส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง เพื่อเตรียมตัวรับมืออย่างถูกต้อง
การคิดเบี้ยประกันตามความเสี่ยง
การคิดเบี้ยประกันแบบใหม่จะอิงข้อมูลความเสี่ยงของผู้ขับขี่เป็นหลัก เช่น อายุ ประวัติการขับขี่ ประวัติการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงพฤติกรรมการขับรถที่บันทึกได้จากระบบเทเลเมติกส์ (Telematics) หรือกล่องติดตามพฤติกรรมการขับขี่ วิธีนี้จะทำให้ผู้ขับขี่ที่มีประวัติดีได้จ่ายเบี้ยในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมมากขึ้น
ผลกระทบต่อผู้เอาประกันและบริษัทประกัน
สำหรับผู้เอาประกันภัย: ผู้ขับขี่ที่มีประวัติดีและขับรถปลอดภัยจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกัน ในขณะที่ผู้มีประวัติเกิดอุบัติเหตุบ่อยอาจต้องจ่ายเบี้ยสูงขึ้น
กฏเกณฑ์เรื่องการบังคับให้ระบุชื่อผู้ขับขี่ (ได้สูงสุด 5 คน) เริ่มถูกบังคับใช้มาตั้งแต่ช่วงปี 2567 โดยเริ่มที่การประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้รางวัลกับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมการขับรถที่ดี ได้รับ ส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์เพิ่มตั้งแต่ 10% – 40% ต่อปี
จากเดิมส่วนลดหลักๆของประกันภัยรถยนต์ก็คือ ‘ส่วนลดประวัติดี’ คือให้ส่วนลดกับรถที่ไม่มีประวัติการชนแบบเป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณีเลย ลดสูงสุดที่ 50%
แต่เมื่อปรับเป็นแบบ ‘บังคับระบุผู้ขับขี่’ ทำให้มีส่วนลดประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้นมากลายเป็น 2 ส่วน คือ ‘ส่วนลดระบุผู้ขับขี่ขับดี’ และ ‘ส่วนลดประวัติดีของรถ’ โดยลดสูงสุดที่ 40% + 40% เลย
ตัวอย่าง เราต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ต่อปีที่ 20,000 บาท
ส่วนลดแบบเดิมจะลดสูงสุดคือ 20,000 บาท – 50% = 10,000 บาท
ส่วนลดแบบใหม่จะลดสูงสุดคือ 20,000 บาท – 40% = 12,000 บาท – 40% = 7,200 บาท
นอกจากนี้ ‘ส่วนลดระบุผู้ขับขี่ขับดี’ จะสามารถใช้เมื่อย้ายบริษัทประกันไปบริษัทอื่นๆได้อีกด้วย
สำหรับบริษัทประกันภัย: ต้องปรับระบบการประเมินความเสี่ยงใหม่ และอาจต้องลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่อย่างแม่นยำ
- การระบุผู้ขับขี่จะทำให้บริษัทประกันรถยนต์ มีข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนแบบละเอียด ทั้ง อายุ เพศ จังหวัดที่อาศัย และ อัตราการเกิดอุบัติเหตุ
- ส่วนนี้จะทำให้การ ออกแบบแผนประกันภัยรถยนต์มีการพัฒนามากขึ้น และ เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละผู้ใช้มากขึ้น เช่น ในอนาคตเราอาจจะเห็นประกันรถยนต์ที่กำหนดราคาตาม profile ของแต่ละผู้ขับขี่ได้เลย แต่ละคนเข้าไปทำประกันรถยนต์ อาจจะได้ราคาต่างกันหมดเลย ได้ราคาสำหรับแต่ละบุคคล แทนที่ทุกคนจะเฉลี่ยความเสี่ยงออกมาเป็นราคาเดียว
การพลิกโฉมประกันภัยรถยนต์ในปี 2568 ด้วยการบังคับระบุชื่อผู้ขับขี่และคิดเบี้ยตามความเสี่ยง ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความยุติธรรมและโปร่งใสในวงการประกันภัย ผู้ใช้รถควรเตรียมตัวล่วงหน้าโดยรักษาพฤติกรรมการขับขี่ให้ดี ศึกษาเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด และเลือกบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการในราคาที่คุ้มค่าที่สุด
ข้อดี ข้อเสีย ของการระบุชื่อผู้ขับขี่
จริงๆแล้วสำหรับคนที่ขับรถด้วยความปลอดภัยและระมัดระวังอยู่แล้วก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ให้เตรียมรอรับส่วนลดค่าประกันภัยรถยนต์ในปีถัดๆไปได้เลย
แต่ก็มีข้อควรระวังในการระบุผู้ขับขี่ เพราะจะระบุได้สูงสุด 5 คน เราสามารถเลือกได้ว่าจะระบุ 1 2 3 4 หรือ 5 คน มองผิวเผินอาจจะรู้สึกว่ายิ่งระบุเยอะยิ่งดี
แต่ถ้าหาก 1 ใน 5 คนมีประวัติที่ไม่ดีในการขับรถ จะทำให้ประกันภัยรถยนต์ของเราในปีนั้นอยู่ในเกณฑ์ ‘ไม่ได้ส่วนลดระบุผู้ขับขี่ทันที’
แนวทางเตรียมตัวสำหรับผู้ใช้รถ
- ตรวจสอบประวัติการขับขี่ของตนเอง และพยายามรักษาพฤติกรรมการขับขี่ให้ปลอดภัย
ศึกษาเงื่อนไขของกรมธรรม์ใหม่ที่ระบุชื่อผู้ขับขี่ และเลือกแผนประกันที่เหมาะสม
🚗 รถป้ายแดงอายุไม่เกิน 1 ปี เริ่มใช้ 1 มกราคม 2568
– บริษัทประกันสามารถเริ่มบังคับให้ระบุผู้ขับขี่ สำหรับรถยนต์ป้ายแดงอายุไม่เกิน 1 ปี ทุกคัน (ตามคำสั่งนายทะเบียน 46/2567)
– ในกรณีที่บริษัทประกันยังไม่พร้อม ยังสามารถใช้การประกันภัยแบบเดิมได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568
🚕 รถทุกคัน เริ่มใช้ 1 มกราคม 2569
– ตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 รถยนต์อายุไม่เกิน 1 ปี และเกิน 1 ปี จะต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ โดยระบุได้สูงสุด 5 คน
การเปลี่ยนแปลงมีเหตุและผลซ่อนอยู่
การพลิกโฉมประกันภัยรถยนต์ในปี 2568 ด้วยการบังคับระบุชื่อผู้ขับขี่และคิดเบี้ยตามความเสี่ยง ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความยุติธรรมและโปร่งใสในวงการประกันภัย ผู้ใช้รถควรเตรียมตัวล่วงหน้าโดยรักษาพฤติกรรมการขับขี่ให้ดี ศึกษาเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด และเลือกบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการในราคาที่คุ้มค่าที่สุด
หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกประกันภัยรถยนต์ให้เหมาะกับรูปแบบการขับขี่ของคุณ หรืออยากวางแผนปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงนี้ ติดต่อทีมงานของเราพร้อมให้คำปรึกษาฟรี!
อ้างอิง : เว็บไซต์คปภ.https://www.oic.or.th/th/press-release
การระบุผู้ขับขี่ ให้ประโยชน์อย่างไร
1. ได้รับส่วนลดในการทำประกันภัยที่มากขึ้น
2. รูปแบบการประกันภัยรถยนต์ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับผู้ใช้มากขึ้น เนื่องจากมีการระบุข้อมูลผู้ขับขี่แต่ละบุคคลที่ละเอียด ทำให้ราคาประกันรถยนต์เปลี่ยนแปลงตามประวัติการขับขี่ของแต่ละบุคคลได้
3. เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน การมีรางวัลเป็นส่วนลดให้กับผู้ขับขี่ จะเป็นสิ่งจูงใจให้ผู้ขับขี่มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ดีขึ้น ลดการเกิดอุบัติเหตุ
บทสรุป
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับผู้ใช้รถทุกคนในการพัฒนานิสัยการขับขี่ให้ปลอดภัยและรับผิดชอบมากขึ้น
การระบุชื่อผู้ขับขี่และการคิดเบี้ยตามความเสี่ยงจะช่วยให้ระบบประกันภัยมีความเป็นธรรม โปร่งใส และส่งเสริมวินัยบนท้องถนนอย่างยั่งยืน
อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณและคนที่คุณรัก เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่ของประกันภัยอย่างมั่นใจ
คปภ.ยกเครื่อง “ประกันรถยนต์” ในรอบเกือบ 20 ปี ใช้ต้นแบบประกันรถอีวี บังคับระบุชื่อผู้ขับขี่ โดยครั้งนี้จะนำเอาเรื่องพฤติกรรมการขับขี่หรือนำความเสี่ยงในการขับขี่จริงของแต่ละบุคคลมากำหนดเบี้ยประกัน โดยจะใช้ต้นแบบเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่บังคับให้ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ มาปรับใช้กับรถยนต์สันดาป เพื่อให้มีการโค้ดค่าเบี้ยประกันที่เหมาะสมต่อความเสี่ยงของผู้ขับขี่
โดยสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ต่อกรมธรรม์ได้สูงสุด 5 ราย จากปัจจุบันกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไม่ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ และเพิ่มทางเลือกให้ซื้อกรมธรรม์แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ เพื่อให้ได้ค่าเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่จะระบุชื่อผู้ขับขี่อยู่ประมาณ 1-2 ราย
นอกจากนี้ เงื่อนไขใหม่จะมีส่วนลดเบี้ยประกันอยู่ 2 ส่วน คือ 1.ส่วนของกรมธรรม์ ถ้าไม่มีเคลมลูกค้าจะได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 40% แต่ตรงนี้จะไม่ติดตัวผู้ขับขี่ไป เพราะเป็นเงื่อนไขสัญญาระหว่างบริษัทประกันภัยและผู้เอาประกันภัย แต่ส่วนที่ 2.ประวัติการขับขี่ หากผู้ขับขี่มีประวัติขับรถดี ไม่มีเคลม จะได้ส่วนลดติดตัวไปสูงสุดถึง 40%
จะให้เริ่มบังคับใช้กับรถใหม่ (ป้ายแดง) ของรถสันดาปและรถไฮบริดก่อน และตั้งแต่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป
โดยเมื่อมีการคิดค่าเบี้ยตามความเสี่ยงแต่ละบุคคล จะทำให้พฤติกรรมความเสี่ยงจะสอดคล้องกับเบี้ยประกันมากขึ้น และจุดสำคัญที่ คปภ. อยากจะเห็นจุดเปลี่ยน คือ คนในประเทศมีการขับรถที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุในประเทศไทยลงได้ จากวันนี้ประเทศไทยเกิดอุบัติเหตุสูงมากและติดอันดับโลก