- 6 พฤศจิกายน 2025
- ประกันภัยรถยนต์
- 63 Views
ในชีวิตของผู้ใช้รถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนต้องส่งรถเข้าซ่อม เรามักคิดถึงค่าซ่อม ค่าเสียหายของตัวรถเป็นหลัก แต่หลายครั้งมองข้ามอีกหนึ่งสิทธิที่ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องได้ นั่นคือ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
โดยหมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการที่เราไม่สามารถใช้รถได้ตามปกติ เช่น ต้องเดินทางด้วยแท็กซี่ / เช่ารถ / ใช้บริการขนส่งอื่น ซึ่งถือเป็นความเสียหายที่ควรได้รับการชดเชยจากคู่กรณีหรือบริษัทประกั
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คืออะไร?
สารบัญ
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คือ ค่าชดเชยที่เจ้าของรถซึ่งเป็นฝ่ายถูกสามารถเรียกร้องจากคู่กรณีหรือบริษัทประกันภัยของคู่กรณีได้ ในกรณีที่ต้องเอารถเข้าซ่อมในอู่ ทำให้เราไม่สามารถใช้รถได้ตามปกติ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างที่ไม่มีรถใช้ เช่น ค่าเดินทาง ค่าแท็กซี่ หรือค่าเช่ารถเหล่านี้ ถือเป็นความเสียหายที่เราสามารถเรียกร้องจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดได้
สถานการณ์ที่สามารถเรียกร้องได้
พอสรุปได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ – คุณมีโอกาสเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ได้
- เมื่อ รถของคุณถูกรถคันอื่นชน และคุณเป็น ฝ่ายถูก
- เมื่อ รถของคุณต้องเข้าอู๋ซ่อมจน ไม่สามารถใช้งานได้
- ในช่วงเวลาที่ไม่มีรถใช้ ต้อง “เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม” เช่น ค่ารถแท็กซี่ / ค่าเช่ารถ / ค่าขนส่งอื่น
วิธีคำนวณค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
อัตราค่าชดเชยที่สามารถเรียกร้องได้ทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 500 – 1,000 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ หลักฐานประกอบที่นำมาใช้ในการเรียกร้อง
เพื่อให้เรียกร้องได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรม ควรพิจารณาปัจจัยหลักดังนี้
- ระยะเวลาซ่อม: จำนวนวันตั้งแต่วันส่งซ่อมจนถึงวันที่รับรถกลับ
- ประเภทรถ: รถส่วนบุคคล, รถรับจ้าง, รถโดยสาร ต่างมีอัตราค่าชดเชยแตกต่างกัน
- ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง: เช่น ค่าเช่ารถระหว่างซ่อม, ค่าเดินทางแท็กซี่, ค่าใช้บริการขนส่งอื่น
ตัวอย่างอัตราที่อ้างอิงได้: มักอยู่ระหว่าง 500 – 1,000 บาทต่อวัน (ขึ้นกับประเภทรถ และหลักฐานประกอบ)
ขั้นตอนการยื่นเรียกร้อง
- แจ้งบริษัทประกันของคู่กรณีว่าต้องการ “เรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
- ยื่นเอกสารทั้งหมดภายใน 30 วัน หลังจากรับรถออกจากอู่
- รอการตรวจสอบเอกสารและอนุมัติ
- บริษัทจะโอนเงินชดเชยเข้าบัญชีธนาคารที่ระบุไว้
กรณีมีปัญหา เช่น บริษัทไม่ยอมชดเชย หรือจ่ายช้าผิดปกติ สามารถร้องเรียนได้ที่ คปภ. (สายด่วน 1186) ค่ะ
เมื่อ รถของคุณถูกรถคันอื่นชน และคุณเป็น ฝ่ายถูก รถของคุณต้องเข้าอู่ซ่อม ในช่วงเวลาที่ไม่มีรถใช้ ต้อง “เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม” สามารถจะเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากประกันฝ่ายผิดได้ หรือ คู่กรณีฝ่ายผิด
เอกสารประกอบการเรียกร้อง
เพื่อเตรียมการขอรับค่าขาดประโยชน์อย่างครบถ้วน ควรเตรียมเอกสารดังนี้
- แบบฟอร์มเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
- ใบเคลม / ใบรับรถเข้าอู๋
- หนังสือรับรองระยะเวลาที่รถอยู่ในอู๋
- สำเนาบัตรประชาชน / ทะเบียนรถ
- สำเนาผู้ขับขี่ (วันที่เกิดเหตุ)
- สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร (เพื่อรับเงินชดเชย)
- หลักฐานการใช้บริการพาหนะอื่น (แท็กซี่, เช่ารถ ฯลฯ)
เมื่อตรวจเอกสารครบถ้วนแล้ว ให้ส่งแบบฟอร์มพร้อมหลักฐานไปยังบริษัทประกันภัยของคู่กรณี (หรือตัวคู่กรณี) เพื่อดำเนินการเรียกร้องค่ะ
เวลารถเกิดอุบัติเหตุจนต้องเข้าอู่ซ่อม นอกจากความเสียหายต่อรถแล้ว สิ่งที่เจ้าของรถหลายคนมักมองข้ามก็คือ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “ค่าเสียเวลาและค่าใช้จ่ายระหว่างที่ไม่มีรถใช้”
สิทธินี้เกิดขึ้นเพื่อชดเชยเจ้าของรถที่ต้องเสียโอกาสในการใช้รถในชีวิตประจำวัน เช่น
- ต้องนั่งแท็กซี่ไปทำงานทุกวัน
- ต้องเช่ารถคันอื่นใช้แทน
- ต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะจนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ค่าขาดประโยชน์จึงเป็น สิทธิเรียกร้องของผู้เสียหายที่ไม่ใช่ฝ่ายผิด ในกรณีที่คู่กรณีมีประกันภัย (โดยเฉพาะประกันภัยชั้น 1 และ 2+)
บริษัทประกันของฝ่ายผิดจะต้องชดเชยตามจำนวนวันที่รถของผู้เสียหายไม่สามารถใช้งานได้ค่ะ 🚗
ใครเป็นคนเรียกร้อง ?
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถถือเป็น สิทธิที่ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุควรได้รับ เป็นการชดเชยความไม่สะดวกและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีรถใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น หากเกิดประสบอุบัติเหตุแล้วไม่ได้เป็นฝ่ายผิด อย่าลืมใช้สิทธินี้เรียกร้อง เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมและเยียวยาอย่างเหมาะสมค่ะ
อ้างอิง : ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ = สิทธิของเจ้าของรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย
อย่าปล่อยให้สิทธินี้สูญเปล่า เพียงเพราะไม่รู้ เพราะในบางเคส คุณอาจเรียกร้องได้หลายพันบาทเลยทีเดียว!
ตัวอย่างสถานการณ์ที่สามารถเรียกร้องได้
- รถของคุณถูกรถคันอื่นชน และบริษัทประกันของคู่กรณีเป็นฝ่ายรับผิดชอบ
- รถต้องเข้าอู่ซ่อม 3 – 10 วัน ในช่วงนี้คุณไม่สามารถใช้รถทำงาน รับส่งลูก หรือทำธุระส่วนตัวได้
- คุณมีค่าใช้จ่ายจริงในการเดินทาง เช่น ค่ารถแท็กซี่ ค่าเช่ารถ หรือค่าน้ำมันรถคันอื่นที่ต้องยืมใช้
บทสรุป
- อย่ามองข้ามสิทธิเล็ก ๆ นี้ เพราะมันคือ “เงินที่คุณควรได้”
- ทุกครั้งที่รถเข้าอู่จากอุบัติเหตุที่คุณไม่ผิด ให้ถามเจ้าหน้าที่เคลมทันทีว่า “มีสิทธิเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ไหม?”
- ถ้าคุณซื้อประกันกับ ศรีกรุงโบรคเกอร์ เจ้าหน้าที่จะช่วยดูแลขั้นตอนนี้ให้ครบ ตั้งแต่แจ้งเคลม จนถึงรับเงินเข้าบัญชีเลยค่ะ
เวลารถเกิดอุบัติเหตุจนต้องเข้าอู่ซ่อม นอกจากความเสียหายต่อรถแล้ว สิ่งที่เจ้าของรถหลายคนมักมองข้ามก็คือ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “ค่าเสียเวลาและค่าใช้จ่ายระหว่างที่ไม่มีรถใช้”
สิทธินี้เกิดขึ้นเพื่อชดเชยเจ้าของรถที่ต้องเสียโอกาสในการใช้รถในชีวิตประจำวัน เช่น
- ต้องนั่งแท็กซี่ไปทำงานทุกวัน
- ต้องเช่ารถคันอื่นใช้แทน
- ต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะจนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ค่าขาดประโยชน์จึงเป็น สิทธิเรียกร้องของผู้เสียหายที่ไม่ใช่ฝ่ายผิด ในกรณีที่คู่กรณีมีประกันภัย (โดยเฉพาะประกันภัยชั้น 1 และ 2+)
บริษัทประกันของฝ่ายผิดจะต้องชดเชยตามจำนวนวันที่รถของผู้เสียหายไม่สามารถใช้งานได้ค่ะ 🚗
บริษัทประกันแต่ละแห่งจะมีหลักเกณฑ์คำนวณต่างกันเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปจะพิจารณาจาก
| ประเภทรถ | อัตราชดเชยโดยประมาณ (บาท/วัน) |
|---|---|
| รถเก๋งส่วนบุคคล | 500 – 700 บาท |
| รถกระบะส่วนบุคคล | 700 – 900 บาท |
| รถตู้ / รถรับจ้าง / รถใช้ในกิจการ | 800 – 1,200 บาท |
👉 จำนวนวันคำนวณตั้งแต่วันเข้าอู่จนถึงวันรับรถกลับ
ยกตัวอย่างเช่น รถเก๋งเข้าอู่ 7 วัน บริษัทอาจชดเชย 500 × 7 = 3,500 บาทค่ะ
เพื่อให้การขอรับเงินชดเชยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ควรเตรียมเอกสารดังนี้
- แบบฟอร์มเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ (ขอได้จากบริษัทประกันของคู่กรณี)
- สำเนาใบเคลม / ใบรับรถเข้าอู่
- หนังสือรับรองจากอู่ซ่อม (ระบุวันที่รถเข้าซ่อม – วันที่เสร็จ)
- สำเนาบัตรประชาชนและใบขับขี่ของผู้ขับขี่
- สำเนาทะเบียนรถ
- สำเนาสมุดบัญชีธนาคารเพื่อรับโอนเงิน
- ใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี เช่น ค่าแท็กซี่ ค่าเช่ารถ)
💡 เคล็ดลับ: ถ้ามีหลักฐานการใช้จ่ายจริง เช่น บิลค่าแท็กซี่ หรือสัญญาเช่ารถ จะช่วยให้ได้รับการพิจารณาชดเชยเร็วขึ้นค่ะ

