- 27 ตุลาคม 2024
- ความรู้ทั่วไป
- 96 Views
เมื่อเกิดไฟไหม้เราควรทำอยางไร
ในสถานการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด ความสามารถในการเอาตัวรอดเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้และฝึกฝนไว้
เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น การรู้วิธีการเอาตัวรอดอย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนการเอาตัวรอดจากไฟไหม้
3 องค์ประกอบของไฟ
1. เชื้อเพลิง มีด้วยกันอยู่ 3 สถานะ แต่เชื้อเพลิงที่มีสถานะเป็นของแข็งและของเหลวต้องได้รับความร้อนถึงจุด จุดหนึ่งซึ่งเรียกว่า จุดวาปไฟหรือจุดคายไอ ซึ่งหมายถึงเชื้อเพลิงอยู่ในสถานะเป็นไอหรือเป็นก๊าซนั้นเอง และพร้อมที่จุดติดเป็นไฟ
2. ออกซิเจน ที่อยู่ในบรรยากาศมีอยู่ 21 % แต่ออกซิเจนที่ใช้ในการจุดติดของไฟต้องมีอยู่ในบรรยากาศ ไม่ต่ำกว่า 16% จึงจะทำให้เกิดการจุดติดขึ้นได้
3. ความร้อน คือความร้อนที่ไปยกอุณหภูมิจากจุดวาปไฟให้ถึง จุดติดไฟ
องค์ประกอบของไฟ มี 3 องค์ประกอบ การกำจัดไฟ ต้องกำจัดอย่างน้อย 1 ปัจจัยออกไปจากวงจร ไฟก็จะดับ
ยกตัวอย่างเช่น
กระทะที่เราทอดน้ำมันอยู่เกิดไฟไหม้ เราจะมีขั้นตอนในการดับไฟได้อย่างไร
- ตั้งสติ
- ปิดวาล์วแก๊ส >> เพื่อลดความร้อนที่จะไปทำให้น้ำมันไฟลุกขึ้น
- ใข้ถังดับเพลิง ชนิด K จะมีบอกอยู่ข้างถัง หรือ
- ใช้ผ้าชุบน้ำปิดให้หมาดคลุมไปบนกระทะ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไฟจะมอดดับไปเอง หรือ
- เอาฝาหม้อคลอบกระทะ ให้มิด หรือ
- เทน้ำมัน >> เพื่อทำให้น้ำมันเย็นตัวลง
ข้อห้าม ห้ามเอาน้ำดับไฟบนกระทะเด็ดขาก เพราะจะเป็นการโหมเปลวไฟให้ลุกมากขึ้น
กรณีควบคุมเพลิงไม่ได้ ให้โทรสายด่วน 199
5 ประเภทของเชื้อเพลิง
โดยทั่วไปแบ่งชนิดของไฟตามลักษณะและปฏิกิริยาในการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงตามมาตรฐานของสมาคมป้องกันอัคคีภัยของสหรัฐอเมริกา (National Fire Protection Association : NFPA) จะมีปรากฏในข้างถังดับเพลิง ว่าสามารถดับไฟประเภทไหนได้บ้าง
ไฟประเภท A (Class “A”) เป็นการเผาไหม้ที่เกิดจากเชื้อเพลิงธรรมดาโดยทั่วไป เช่น ไม้ กระดาษ ผ้า พลาสติก ฯลฯ เชื้อเพลิงเหล่านี้มีลักษณะ และปฏิกิริยาในการเผาไหม้ โดยการคายไอออกมาตามผิวโดยที่เนื้อแท้ของเชื้อเพลิงยังไม่แปรสภาพเป็นของเหลว
ไฟประเภท B (Class “B”) เป็นการเผาไหม้ที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่เป็นสารไอโดรคาร์บอนทุกชนิด เช่น ก๊าซธรรมชาติ ก๊าซหุงต้ม (LPG) น้ำมันที่ใช้กับรถยนต์ยางมะตอย พาราฟิน ตัวทำลายต่าง ๆ เป็นต้น โดยที่มีลักษณะของการลุกไหม้โดยเป็นก๊าซหรือของเหลวที่ขับไอออกมา ถ้าเป็นลักษณะแข็งตัวก็จะหลอมเหลวแล้วคายไอออกมา
ไฟประเภท C (Class “C”) เป็นการเผาไหม้ที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าที่เกิดจากอาร์คสปาร์ค การใช้ไฟฟ้าเกินกำลัง เมื่อเกิดการเผาไหม้ยังมีกระแสไฟฟ้าอยู่ในอุปกรณ์ไฟฟ้านั้น โดยกระแสไฟฟ้ายังไม่ได้ถูกตัดออก แต่ถ้าหากตัดกระแสไฟฟ้าออกแล้วสิ่งเหล่านี้ก็คือ เชื้อเพลิง “A” “B” หรือ “D” นั่นเอง
ไฟประเภท D (Class “D”) เป็นการเผาไหม้ที่เกิดจากพวกโลหะที่ลุกไหม้และให้ความร้อนสูง พวกวัตถุระเบิด พวกที่ทำปฏิกิริยากับน้ำได้ เช่น แมกนีเซียม (Magnesium) , โซเดียม (Sodium) , ไทเทเนียม (Titanium) , โปรแตสเซียม (Potassium) เป็นต้น ลักษณะการลุกไหม้ของประเภท “D” นี้จะให้ความร้อนสูงมากทำให้เกิดการลุกลามอย่างรวดเร็วบางครั้งเกิดการระเบิดขึ้นและเชื้อเพลิงบางชนิดทำปฏิกิริยากับน้ำ เช่น โซเดียม ทำให้เกิดก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งเป็นก๊าซที่ไวไฟ
ไฟประเภท K (Class “K”) เป็นการเผาไหม้ที่เกิดจาก คราบน้ำมันหมู น้ำมันพืชหรือในปล่องระบายควันในห้องครัว
ทำอย่างไรเมื่อเกิดเพลิงไหม้
สรุปขั้นตอนเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ในอาคารบ้านเรือน
- ตั้งสติ
- ดูประเภทของไฟ
- เลือกวิธีดับเพลิง
- แจ้งหน่วยดับเพลิง โทร 199
เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ในสถานประกอบการ มีขึ้นตอนการทำงานอย่างไร
ใช้ขึั้นตอนเดียวกันกับเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ในอาคารบ้านเรือน ต้องติดต่อให้หน่วยงานกลางรับทราบโดยทันที เพื่อจะประสานไปยังดับเพลิงท้องที่ แต่ถ้าไฟเราไม่สามารถควบคุมได้ ต้องมีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้
สัญญาณเตือนและประเมินสถานการณ์
- ตรวจสอบสัญญาณเตือนภัย: เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ เช่น เสียงระฆังแจ้งเตือนหรือกลิ่นควัน ให้หยุดกิจกรรมที่ทำและสังเกตสถานการณ์โดยทันที
- ประเมินทิศทางของไฟ: หากสามารถเห็นเปลวไฟหรือมีควันหนาทึบ พยายามประเมินว่าทิศทางไหนปลอดภัยที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการวิ่งตรงเข้าไปยังทิศทางของเปลวไฟหรือควันโดยตรง
เคลื่อนที่ต่ำและหาทางออกที่ใกล้ที่สุด
- ลดระดับการเคลื่อนไหวให้ต่ำลง: ควันจากไฟไหม้จะลอยสูงขึ้น ทำให้ในระดับพื้นใกล้กับพื้นมีอากาศที่บริสุทธิ์กว่า ให้เคลื่อนที่โดยการคลานเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมควันซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อปอด
- มองหาทางออกที่ใกล้ที่สุด: ควรทราบตำแหน่งทางออกฉุกเฉินและบันไดหนีไฟเมื่ออยู่ในอาคาร พยายามหาทางออกไปยังที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
ปิดประตูระหว่างทางเพื่อลดการลุกลามของไฟ
- ปิดประตูตามเส้นทางที่เดินผ่าน: การปิดประตูจะช่วยชะลอการลุกลามของไฟและป้องกันไม่ให้ควันแพร่กระจายไปในส่วนอื่นของอาคาร
- ไม่เปิดประตูที่ร้อน: ก่อนจะเปิดประตูใดๆ ใช้หลังมือแตะที่บานประตู หากพบว่าประตูร้อนแสดงว่าอีกฝั่งมีไฟ ให้หลีกเลี่ยงการเปิดประตูและหาทางออกอื่น
ใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยในกรณีที่มีให้
- ใช้หน้ากากกันควัน: หากอาคารที่คุณอยู่มีหน้ากากกันควันหรือผ้าห่มกันไฟ ควรใช้เพื่อป้องกันการสูดดมควันและปกป้องร่างกายจากความร้อน
- ใช้ถังดับเพลิงเฉพาะในกรณีที่มีความรู้ในการใช้งาน: หากสถานการณ์ยังไม่รุนแรงเกินไปและคุณรู้วิธีใช้ถังดับเพลิง คุณอาจพยายามดับไฟเบื้องต้นได้ แต่ถ้าหากไฟใหญ่เกินไป ให้เน้นการหนีออกจากที่เกิดเหตุเป็นสำคัญ
แจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทันที
- โทรแจ้งหน่วยงานดับเพลิง: เมื่อออกมาจากที่เกิดเหตุแล้ว ให้โทรแจ้งหน่วยงานดับเพลิงหรือเบอร์ฉุกเฉิน เช่น โทรด่วนเหตุเพลิงไหม้ กดโทร >>> 199 เพื่อรายงานเหตุการณ์และขอความช่วยเหลือ
- บอกตำแหน่งและสถานการณ์อย่างชัดเจน: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่เกิดเหตุและสถานการณ์ที่เห็นอย่างชัดเจน เพื่อให้ทีมกู้ภัยสามารถเตรียมความพร้อมและเข้าช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มารวมตัวที่จุดรวมพล
แผนกที่รับผิดชอบถือธง จะนำธงให้พนักงานวิ่งตาม มารวมกันที่จุดรวมพล แล้วนับจำนวนเพื่อเช็คจำนวนคนว่ามาครบกันหรือไม่ หากมีคนหาย จะต้องจัดทีมค้นหาตามจุดพื้นที่ต่างๆ โดยจะต้องเตรียมขนย้ายตามที่ได้ฝึกฝนมา และปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งไปโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นหลังเอาตัวรอดจากไฟไหม้
- ตรวจร่างกายและบาดแผล: เมื่ออยู่ในที่ปลอดภัย ควรตรวจร่างกายตัวเองและคนรอบข้างว่ามีบาดแผลหรือมีอาการจากการสูดดมควันหรือไม่
- ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น: หากมีการสูดดมควัน ให้เคลื่อนย้ายผู้ประสบเหตุไปยังที่มีอากาศบริสุทธิ์ หากมีบาดแผลจากความร้อนหรือไฟ ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและไม่ใช้สารเคมีใดๆ กับแผล จากนั้นเรียกรถพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป
มีข้อเสอนแนะเพิ่มเติม หากเกิดไฟไหม้เสื้อผ้า ไหม้ตัวเองให้ถอดเสื้อผ้าออก ห้ามวิ่ง นอนกลิ้งลงกับพื้นจนกว่าไฟจะดับ ร้องขอความช่วยเหลือ
การเรียนรู้และฝึกฝนวิธีการเอาตัวรอดจากไฟไหม้ตามหลักสากลนี้จะช่วยให้ทุกคนมีความพร้อมในการเผชิญเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การรู้วิธีการเอาตัวรอดในสถานการณ์ไฟไหม้นั้นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงแต่จะเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราปกป้องชีวิตคนรอบข้างและทรัพย์สินได้อีกด้วย
วิธีการใช้งานถังดับเพลิงเบื้องต้น และการบำรุงรักษา
การใช้งานถังดับเพลิงอย่างถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยชีวิตและลดความเสียหายจากอัคคีภัยได้ การรู้จักประเภทถังดับเพลิงต่างๆ ว่าเหมาะกับการใช้งานกับวัตถุประเภทใดและการดูแลรักษาถังให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในทุกสถานที่ บทความนี้จะครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการใช้งานถังดับเพลิงเบื้องต้น ประเภทของถังดับเพลิง และขั้นตอนการดูแลและตรวจสอบถังอย่างถูกวิธี
ส่วนที่ 1: วิธีการใช้งานถังดับเพลิงเบื้องต้น (หลักการ PASS)
การใช้ถังดับเพลิงให้ได้ผลดีและปลอดภัยมีขั้นตอนง่ายๆ ตามหลักการ PASS ดังนี้:
P – Pull (ดึงสายฉีด): เริ่มต้นด้วยการดึงสายฉีด ที่ปลายด้ามจับของถังออก ซึ่งจะทำให้คันโยกใช้งานได้
A – Aim (เล็งหัวฉีด): เล็งหัวฉีดไปที่ฐานของไฟ ซึ่งเป็นแหล่งที่เปลวไฟเกิดขึ้น ควรยืนห่างจากไฟประมาณ 1.5 – 3 เมตร เพื่อความปลอดภัยและให้การฉีดน้ำยาดับไฟมีประสิทธิภาพสูงสุด
S – Squeeze (กดคันโยก): บีบคันโยกเพื่อฉีดน้ำยาออกมาจากถังดับเพลิง ควรกดค้างไว้ไม่ต้องปล่อยจนกว่าน้ำยาจะหมดหรือไฟดับ
S – Sweep (ส่ายหัวฉีด): ขยับหัวฉีดไปมาอย่างช้าๆ ที่ฐานของไฟ เพื่อให้สามารถควบคุมและดับไฟได้เต็มพื้นที่
แต่ในขั้นตอนปฏิบัติจริง อยากแนะนำให้ทำการปลดสายหัวฉีดก่อน ขั้นตอนปลดสลัก เพราะถังบางรุ่น ที่เก็บสายหัวฉีดค่อนข้าแน่นมาก การปลดสลักออกก่อน อาจจะเกิดอันตรายกับผู้ใช้งานได้
ถ้าดึงสายไม่ออกแนะนำให้เอาถังนอน แล้วใช้เท้าเหยียบเพื่อให้ปลดง่ายขึ้น
ส่วนที่ 2: ประเภทของถังดับเพลิงและการใช้งานกับวัตถุต่างๆ
การเลือกใช้ถังดับเพลิงแต่ละประเภทมีความสำคัญ เนื่องจากถังดับเพลิงมีหลายชนิดและใช้กับเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ดังนี้:
ถังดับเพลิงประเภทผงเคมีแห้ง (Dry Chemical)
- เหมาะกับ: เหตุเพลิงไหม้จากของแข็ง (Class A), ของเหลว (Class B), และไฟฟ้า (Class C)
- การใช้งาน: ฉีดพ่นไปที่ฐานของไฟ โดยผงเคมีแห้งจะปกคลุมเชื้อเพลิงทำให้ไฟขาดออกซิเจนและดับไป
- ข้อดี: ใช้งานได้กับไฟหลายประเภท
- ข้อควรระวัง: ผงเคมีอาจฟุ้งกระจาย ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง
ถังดับเพลิงประเภทคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)
- เหมาะกับ: เหตุเพลิงไหม้จากของเหลว (Class B) และไฟฟ้า (Class C)
- การใช้งาน: ฉีดพ่นไปที่ฐานของไฟ โดย CO₂ จะทำให้ไฟขาดออกซิเจนและดับไป
- ข้อดี: ไม่มีสารตกค้าง เหมาะกับสถานที่ที่ต้องการรักษาความสะอาด เช่น ห้องเซิร์ฟเวอร์
- ข้อควรระวัง: ควรใช้ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี เนื่องจาก CO₂ เป็นก๊าซที่ไม่มีออกซิเจน
3.ถังดับเพลิงประเภทโฟม (Foam)
- เหมาะกับ: เหตุเพลิงไหม้จากของแข็ง (Class A) และของเหลว (Class B)
- การใช้งาน: โฟมจะคลุมเชื้อเพลิงไม่ให้ได้รับออกซิเจน และยังช่วยลดอุณหภูมิของไฟ
- ข้อดี: เหมาะสำหรับการดับไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงชนิดของเหลว
- ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้กับไฟที่เกิดจากไฟฟ้า (Class C) เนื่องจากโฟมเป็นสื่อนำไฟฟ้า
4.ถังดับเพลิงประเภทน้ำ (Water)
- เหมาะกับ: เหตุเพลิงไหม้จากของแข็ง (Class A) เช่น กระดาษ ไม้ ผ้า
- การใช้งาน: ฉีดพ่นน้ำที่ฐานของไฟเพื่อลดอุณหภูมิและดับไฟ
- ข้อดี: ใช้งานง่ายและต้นทุนต่ำ
- ข้อควรระวัง: ห้ามใช้กับไฟจากไฟฟ้า (Class C) และไฟจากของเหลว (Class B)
สำหรับประชาชนทั่วไป สัญลักษณ์ GHS ( Globally Harmonized System for Classification and Labelling of Chemicals ) กำหนดโดย องค์การสหประชาชาติ เป็นการติดฉลากสารเคมีเพื่อให้เป็นระบบเดียวกันทั่วโลก โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการปกป้องสุขภาพมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมจาก อันตรายของสารเคมี ผ่านระบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งโลก ทั้งยังลดความซ้ำซ้อนในการจัดเตรียมข้อมูล การประเมินสารเคมี ให้ประเทศต่าง ๆ มีข้อมูลสารเคมีที่ถูกต้องตรงกัน
GHS มีความสำคัญอยู่ไม่น้อย เพื่อที่จะได้ระวังเมื่อเจอรถขนส่งสารเคมี หรือเมื่อพบเห็นกล่องที่ติดสัญลักษณ์แสดงอันตรายนั้นๆ โดยจากข้อมูลของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ระบุไว้ว่า รูปสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย (Hazard pictogram) เป็นสัญลักษณ์สีดำบนพื้นขาวอยู่ภายในกรอบสีแดงรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด
มีทั้งหมด 9 รูปสัญลักษณ์ เพื่อสื่อความหมายของความเป็นอันตรายในแต่ละด้าน และแต่ละประเภท
อัคคีภัยเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดแล้ว เป็นภัยร้ายแรงถึงชีวิต เราเตรียมพร้อมรับมือแล้วยัง
บทเรียนที่เราควรต้องศึกษา ป้องกัน และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุอัคคีภัยที่ไม่คาดคิด ด้วยความรู้ และการฝึกฝน ดำรงอยู่ในความไม่ประมาท และมีสติอยู่ตลอดเวลา
ส่วนที่ 3: การดูแลและตรวจสอบถังดับเพลิงเบื้องต้น
การดูแลรักษาและตรวจสอบถังดับเพลิงให้พร้อมใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ถังสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในยามฉุกเฉิน โดยมีวิธีการตรวจสอบดังนี้:
การตรวจสอบถังเดือนละครั้ง
- ตรวจเช็คเข็มมาตรวัดแรงดัน: ควรอยู่ในตำแหน่ง “สีเขียว” หากเข็มชี้ที่สีแดง แสดงว่าความดันต่ำเกินไป ควรทำการเติมหรือเปลี่ยนถัง
- ตรวจสอบสภาพหัวฉีด: ดูว่าหัวฉีดไม่อุดตันหรือมีสิ่งกีดขวาง
- ตรวจสลักและแถบประทับตรา: ควรอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีการเปิดใช้งานก่อนหน้า
การบำรุงรักษาประจำปี
- ตรวจสอบน้ำหนักถัง: หากน้ำหนักถังลดลง อาจเกิดจากการรั่วไหลของน้ำยาดับเพลิง ควรทำการตรวจเช็คโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
- ทำความสะอาดถังและหัวฉีด: เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีฝุ่นหรือคราบน้ำมันเกาะอยู่ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
- ส่งตรวจโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ: ควรส่งถังให้ช่างตรวจสอบทุกปีเพื่อประกันคุณภาพ
การเปลี่ยนถังใหม่ตามอายุการใช้งาน
- ตรวจสอบวันหมดอายุของถัง: ถังดับเพลิงมีอายุการใช้งานตามที่ผู้ผลิตกำหนด ควรเปลี่ยนถังเมื่อถึงอายุการใช้งาน
- เก็บบันทึกประวัติการบำรุงรักษา: เพื่อให้ทราบว่าถังได้ผ่านการตรวจสอบหรือบำรุงรักษาครั้งล่าสุดเมื่อใด
การใช้งานและดูแลถังดับเพลิงเป็นสิ่งที่ควรฝึกฝนและใส่ใจ เพื่อให้มั่นใจว่าถังพร้อมใช้งานและมีประสิทธิภาพในการดับเพลิงในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้ ควรเลือกถังที่เหมาะกับประเภทของเชื้อเพลิงที่อาจเกิดเหตุ และตรวจสอบถังดับเพลิงอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สถานที่ทำงานหรือบ้านมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เราได้ตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากอัคคีภัย ทั้งในด้านการสูญเสียทรัพย์สินและความเสี่ยงต่อชีวิตสมาชิกในครอบครัว เห็นได้ชัดว่าเพลิงไหม้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วอาจสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล การมี ประกันอัคคีภัยบ้าน เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถลดภาระความเสี่ยงทางการเงินให้กับเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้เรามั่นใจในความปลอดภัยของครอบครัวมากยิ่งขึ้น
ประกันอัคคีภัยบ้านช่วยแบ่งเบาภาระอะไรบ้าง?
การเลือกซื้อประกันอัคคีภัยสำหรับบ้านและทรัพย์สินของคุณ จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับความเสียหายและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องรับภาระเองทั้งหมด โดยการคุ้มครองที่สำคัญจากประกันอัคคีภัยมีดังนี้:
คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับตัวอาคาร – ประกันอัคคีภัยจะให้ความคุ้มครองสำหรับการซ่อมแซมหรือสร้างอาคารใหม่ หากบ้านของคุณได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่เป็นโครงสร้างหลัก หลังคา ผนัง หรือตัวอาคารทั้งหมด
คุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้าน – นอกจากตัวอาคารแล้ว ประกันอัคคีภัยยังให้ความคุ้มครองทรัพย์สินส่วนบุคคลที่อยู่ภายในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว และของใช้ประจำวัน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าและอาจเสียหายอย่างง่ายดายในเหตุเพลิงไหม้
ลดภาระค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูบ้านและทรัพย์สิน – การที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านและการซื้อทรัพย์สินใหม่อาจเป็นภาระหนักสำหรับใครหลายคน ประกันอัคคีภัยจะช่วยแบ่งเบาภาระเหล่านี้ โดยบริษัทประกันจะจ่ายค่าใช้จ่ายตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง (ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์)
คุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีอุบัติเหตุจากไฟไหม้ – บางกรมธรรม์มีความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติม เช่น การดูแลค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากเหตุเพลิงไหม้ ช่วยให้คุณและครอบครัวสามารถฟื้นตัวได้โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในการรักษา
ทำไมการมีประกันอัคคีภัยบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญ: ปกป้องทรัพย์สินและชีวิตคุณในวันที่ไม่คาดฝัน
อัคคีภัยกับความเสียหายที่ไม่คาดคิด
เพลิงไหม้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการลัดวงจรไฟฟ้า การหุงต้มอาหาร การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า และแม้แต่ภัยธรรมชาติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่ทันระวัง ทำให้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีบ้านของเราหรือทรัพย์สินที่มีค่าหลายแสน หลายล้านบาท ต้องสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย และสิ่งที่น่าเสียใจยิ่งกว่านั้น คือการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้
ประกันอัคคีภัยบ้านช่วยแบ่งเบาภาระอะไรบ้าง?
การเลือกซื้อประกันอัคคีภัยสำหรับบ้านและทรัพย์สินของคุณ จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับความเสียหายและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องรับภาระเองทั้งหมด โดยการคุ้มครองที่สำคัญจากประกันอัคคีภัยมีดังนี้:
คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับตัวอาคาร – ประกันอัคคีภัยจะให้ความคุ้มครองสำหรับการซ่อมแซมหรือสร้างอาคารใหม่ หากบ้านของคุณได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่เป็นโครงสร้างหลัก หลังคา ผนัง หรือตัวอาคารทั้งหมด
คุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้าน – นอกจากตัวอาคารแล้ว ประกันอัคคีภัยยังให้ความคุ้มครองทรัพย์สินส่วนบุคคลที่อยู่ภายในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว และของใช้ประจำวัน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าและอาจเสียหายอย่างง่ายดายในเหตุเพลิงไหม้
ลดภาระค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูบ้านและทรัพย์สิน – การที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านและการซื้อทรัพย์สินใหม่อาจเป็นภาระหนักสำหรับใครหลายคน ประกันอัคคีภัยจะช่วยแบ่งเบาภาระเหล่านี้ โดยบริษัทประกันจะจ่ายค่าใช้จ่ายตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง (ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์)
คุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีอุบัติเหตุจากไฟไหม้ – บางกรมธรรม์มีความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติม เช่น การดูแลค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากเหตุเพลิงไหม้ ช่วยให้คุณและครอบครัวสามารถฟื้นตัวได้โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในการรักษา
การตัดสินใจที่คุ้มค่าในระยะยาว: มั่นใจในความปลอดภัยของบ้านและครอบครัว
การมี ประกันอัคคีภัย เป็นการเตรียมพร้อมที่สำคัญซึ่งสามารถช่วยให้คุณและครอบครัวรู้สึกอุ่นใจ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น คุณจะมีตัวช่วยที่มั่นคงในการฟื้นฟูบ้านและทรัพย์สินได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยเร็ว
เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ คุณควรเลือกประกันอัคคีภัยที่เหมาะสม โดยศึกษาความคุ้มครองและเงื่อนไขที่แต่ละบริษัทนำเสนอ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้เลือกกรมธรรม์ที่คุ้มค่าและครอบคลุมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ การซื้อประกันไม่เพียงเป็นการปกป้องบ้าน แต่ยังเป็นการปกป้องอนาคตและความสุขของครอบครัวให้ดำเนินไปได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น
สนใจซื้อประกันอัคคีภัยบ้านคลิ๊ก
เบี้ยหลักร้อย คุ้มครองหลักแสน เบี้ยเริ่มต้น 400 บาท คุ้มครองสูงสุด 300,000 บาท คลิ๊กซื้อเลย >> ประกันอัคคีภัยโตเกียวมารีน
หากต้องการความคุ้มครองมากกว่านี้ทักหาเรา ได้ที่ไลน์ >>>
เอกสารในการนำเสนองาน
- รูปถ่ายอาคารด้านนอก ด้านใน
- พื้นที่ของตัวอาคาร / หากไม่ทราบให้แจ้งขนาดกว้าง x ยาวของตัวอาคาร / หรือแปลนบ้านมาให้ตรวจสอบพื้นที่ได้ค่ะ
- แจ้งที่ตั้งของอาคาร
- ประเมินอาคาร และทรัพย์สินมาคร่าวๆ
“สนใจอยากมีรายได้เสริม เงินแสน “ จากงานประจำที่ทำอยู่ เริ่มต้นง่ายๆ ไม่ใช่งานขาย แถมมีระบบและเครื่องมือดีๆ เว็บโปรโมตธุรกิจ ส่งตรงถึงมือคุณทันที มีระบบเรียนรู้ออนไลน์ อยากรู้วิธีการทำการตลาดออนไลน์ ความรู้งานประกัน จบครบที่เดียว…. Srikrungnetwork ประกันออนไลน์รูปแบบใหม่
อยากหารายได้เสริม กับธุรกิจประกันรถยนต์ ต่อยอดกับงานงานประจำที่ทำอยู่ งานขายของออนไลน์ เปิดหน้าร้านไปรษณีย์ มีหน้าร้านอยู่แล้ว งานประกันชีวิต งานตรอ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวที่คุณทำอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ธุรกิจนี้ตอบโจทย์ท่านแน่นอน ไม่รบกวนงานประจำที่ท่านทำอยู่เลย
ถ้าคุณอยากจะซื้อประกันในราคาส่วนลดพิเศษ แล้วตัวคุณอยู่ในสถานการณ์นี้
คุณเป็นเจ้าของธุรกิจ มีรถใช้หลายคัน อยากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการต้องจ่ายประกัน แต่ละปี
กำลังมองหาธุรกิจ อยากตั้งหน้าร้าน
อยากจะทำเป็นรายได้เสริม อยากเริ่มต้น….ด้วยทุนที่จำกัด ไม่อยากลาออกจากงานประจำ
อยากทำธุรกิจที่ไหนก็ได้ เน้นใช้ระบบทำงานแทน ทำบ้าง หยุดบ้าง สตางค์ก็ได้ ทุกความอยาก
ที่นี่มีคำตอบ ศรีกรุงโบรคเกอร์
เริ่มต้นง่ายๆ สมัครสมาชิกซื้อใช้เองได้ส่วนลดทันที เท่ากับนายหน้า แถมบอกต่อได้ค่าแนะนำอีก มีรายได้ทันที จากธุรกิจประกันรถยนต์
อยากเปิดหน้าร้าน สามารถคีย์งาน พิมพ์กรรมธรรม์ได้เองที่บ้าน
ขายประกันได้หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการ เราไม่ได้มีแค่ประกันรถ แต่มีประกันเดินทาง อัคคีภัย ประกันกิจการ….
ไม่มีหน้าร้าน เราก็มีเว็บไซต์ แจกให้ใช้กันฟรีๆ สำหรับทำธุรกิจ ทั้งการขาย และขยายทีมงาน
ไม่ต้องออกจากงานประจำ
ไม่บังคับยอดขาย ไม่บังคับอบรม
สะสมคะแนนไปเที่ยวในและต่างประเทศ ฟรี
โอนเงินเข้าบริษัทประกันภัยโดยตรง
เช็คเบี้ย แจ้งงานได้ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุด
จัดส่งกรมธรรม์ฟรี ทั่วประเทศ
มีระบบผ่อนชำระ 3-6 งวด ทั้งใช้บัตร/ไม่มีบัตรเครดิต
สอนฟรี ทุกขั้นตอน จนกว่าจะเป็น
สมัคร 200 บาท ขายได้มากกว่า 35 บริษัท
ฟรี ประกันอุบัติเหตุ 1 แสนบาท
ไม่ต้องใช้คน หรือเงินค้ำ
สมัครง่ายๆ ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว
สมัครตอนนี้รับฟรีเว็บไซต์ นำไปใช้ในการทำตลาดออนไลน์ฟรี ด่วน!! สิทธิมีจำนวนจำกัด
ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สมัครสมาชิก 200.-บาท ซื้อใช้ได้ส่วนลด ต่อยอดทำเป็นธุรกิจขายประกันภัย รายได้หลักแสนต่อเดือน รอคุณอยู่!!
📢มาคุยกันได้ : นิด วิลาวัลย์
☎โทร 0-8155-42494
แอดไลน์มาพูดคุยสอบถามกันได้ค่ะ
สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติม คลิ๊ก >> https://srikrungnetwork.com/
สมัครสมาชิกออนไลน์ คลิ๊ก >> ใบสมัครออนไลน์
ติดตามอ่านบทความดีๆ โปรโมชั่นเด็ด Facebook คลิ๊ก >> Facebook 724 prakan
ติดตามช่อง Youtube คลิ๊ก >> YOUTUBE นิด วิลาวัลย์ สอนขายประกันออนไลน์ง่ายนิดเดียว
สนใจซื้อประกันรถยนต์ พรบ.ออนไลน์ มีส่วนลด คลิ๊ก >> http://www.724prakan.com/
สมัครสมาชิกฟรี ได้ส่วนลด เลือกซื้อตัดบัตรเครดิต สะสมแต้ม เลือกซื้อพรบมอไซต์ พรบรถยนต์ ประกันรถยนต์ไฟฟ้า ประกันอุบัติเหตุ ประกันเดินทาง ประกันสุขภาพ และอีกหลายแบบประกัน ซื้อปุ๊บคุ้มครองทันที

