วิธีต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ ใหม่ล่าสุด

วิธีต่อภาษีรถยนต์

ทุก ๆ ปี เจ้าของรถยนต์ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย คือการ “ต่อภาษีรถยนต์ประจำปี” หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า การต่อทะเบียนรถ นั่นเอง หากใครไม่ต่อภาษีรถยนต์ตรงเวลา อาจเสี่ยงต่อการถูกปรับ และถ้าล่าช้านานเกินไปอาจถึงขั้นถูกระงับทะเบียนรถได้เลยทีเดียว

สารบัญ

ทำไมต้องต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์

ข่าวดีคือ ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้พัฒนาช่องทางดิจิทัลที่หลากหลาย ทำให้เราสามารถ ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวที่สำนักงานขนส่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการต่อภาษีผ่าน แอปเป๋าตัง (Pao Tang) ช่องทางใหม่ล่าสุดในปี 2568, เว็บไซต์ DLT e-Service, หรือแอป DLT Vehicle Tax Plus ที่สะดวกสบายผ่านสมาร์ทโฟน

ช่องทางต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์

ในบทความนี้ นิดจะพาทุกคนไปเจาะลึกแบบ Step-by-Step ทุกช่องทาง พร้อมทั้งเอกสารที่ต้องใช้, ค่าธรรมเนียม, เงื่อนไขรถที่สามารถต่อออนไลน์ได้ รวมถึงเคล็ดลับต่อภาษีให้ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด เหมาะสำหรับทั้งคนที่เพิ่งหัดใช้บริการออนไลน์ และผู้ที่อยากอัปเดตข้อมูลใหม่ล่าสุดเพื่อความมั่นใจค่ะ

ช่องทางใหม่ล่าสุด: ต่อภาษีรถยนต์ผ่านแอป เป๋าตัง (Pao Tang)

ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2568 เป็นต้นมา กรมการขนส่งทางบกได้ร่วมมือกับ แอปเป๋าตัง เพื่อเปิดบริการ “ขับรถ” (KlubRoad) ให้ประชาชนสามารถต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ในแอปเดียว

ขั้นตอนการต่อภาษีผ่านเป๋าตัง

  1. เปิดแอป เป๋าตัง และเข้าสู่ระบบ
  2. เลือกเมนู “ขับรถ” (KlubRoad)
  3. เลือก “ชำระภาษีรถยนต์” สามารถเลือกได้ทั้งของตัวเองหรือชำระแทนคนอื่น
  4. ระบบจะแสดงข้อมูลรถที่ผูกไว้ เลือกคันที่ต้องการต่อภาษี
  5. ตรวจสอบความถูกต้อง หากยังไม่มี พ.ร.บ. สามารถซื้อเพิ่มได้ในแอป
  6. ดำเนินการชำระเงินผ่านช่องทางที่สะดวก เช่น QR Code, Mobile Banking
  7. หลังชำระเงิน จะได้ สติ๊กเกอร์ภาษีดิจิทัล (Digital Tax Sticker) ที่สามารถใช้ได้ทันทีเป็นเวลา 15 วัน
  8. รอรับ สติ๊กเกอร์จริง ส่งถึงบ้านทางไปรษณีย์

สะดวกรวดเร็ว ก่อนต่อภาษีสามารถซื้อ พรบ.ออนไลน์ ได้กรมธรมม์ทันที ลิงค์เข้าระบบขนส่งต่อได้เลย คลิ๊กซื้อได้ที่ >>>724 ประกันออนไลน์

ต่อภาษีผ่านเว็บไซต์ DLT e-Service

อีกหนึ่งช่องทางยอดนิยม คือการต่อภาษีผ่าน เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก (eservice.dlt.go.th) ใช้งานง่ายมากผ่านมือถือได้เลยค่ะ

***ต้องซื้อ พรบ.รถก่อนถึงทำรายการชำระภาษีในระบบได้ ถ้าต้องการซื้อพรบ.ออนไลน์ คลิ๊กซื้อได้ที่ >>>724 ประกันออนไลน์

วิธีการต่อภาษีรถยนต์ผ่าน DLT e-Service

  1. เข้าเว็บไซต์ eservice.dlt.go.th
  2. ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบด้วย Digital ID หรือ ThaID App
  3. เลือกเมนู “ชำระภาษีรถประจำปีผ่านอินเทอร์เน็ต”
  4. กรอกข้อมูลรถ เช่น เลขทะเบียน, ชื่อผู้เอาประกัน
    1. กรณีถ้าเคยซื้อผ่านระบบขนส่งออนไลน์มาแล้วเครื่องจะบันทึกเก็บไว้ คลิ๊กเลือกแล้วชำระภาษีได้เลย
    2. กรณีถ้ายังไม่เคยซื้อผ่านระบบขนส่งออนไลน์มาก่อน ให้ลงทะเบียนรถเข้าไปใหม่ หลังจากนั้นถึงค่อยทำรายการต่อชำระภาษี
  5.  เลือกวิธีชำระเงิน
    1. ตัดบัญชีธนาคาร
    2. บัตรเครดิต/เดบิต (มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม)
    3. QR Code หรือ Counter Service
  6. ระบุที่อยู่จัดส่งเอกสาร
  7. ชำระเงินและรอรับ สติ๊กเกอร์ภาษี ส่งมาที่บ้าน

ข้อดีของ e-Service

  • ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง
  • สะดวกสำหรับผู้ที่ทำงานประจำ ไม่มีเวลาไปขนส่ง
  • ระบบเชื่อมโยงกับบริษัทประกัน ทำให้ตรวจสอบ พ.ร.บ. ได้ง่าย
  • กรณีถ้ารถต้องตรวจสภาพ ต้องทำการตรวจสภาพก่อนถึงมาต่อภาษีออนไลน์ได้ ให้ถ่ายรูปเอกสารต่อสภาพแนบไปในระบบได้เลย

รถที่สามารถต่อภาษีออนไลน์ได้

  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รย.1)
  • รถตู้/รถโดยสารเกิน 7 ที่นั่ง (รย.2)
  • รถกระบะบรรทุกส่วนบุคคล (รย.3)
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (รย.12)
  • หมายเหตุ: รถที่เกินอายุ 7 ปี (สำหรับรถยนต์) หรือเกิน 5 ปี (สำหรับมอเตอร์ไซค์) ต้องตรวจสภาพรถก่อน แล้วจึงนำผลตรวจมาอัปโหลดในระบบค่ะ

ก่อนเข้าต่อภาษีออนไลน์ อย่าลืมซื้อ พรบ.ออนไลน์

นิดมีช่องทางที่ท่านสามารถได้พรบ.รถเก๋ง รถมอเตอร์ไซต์ รถบรรทุก เข้าไปซื้อเองได้ง่ายที่เว็บ >> 

ต่อภาษีผ่านแอป DLT Vehicle Tax Plus

ใครที่ชอบทำธุรกรรมผ่านมือถือ ต้องไม่พลาดแอปนี้ค่ะ เป็นแอปทางการจากกรมการขนส่งทางบก ใช้งานง่าย และรองรับทั้ง Android และ iOS

วิธีการใช้งาน

  1. ดาวน์โหลดแอป DLT Vehicle Tax Plus
  2. ลงทะเบียนโดยยืนยันตัวตนผ่าน ThaID หรือ OTP
  3. เลือกเมนู “ชำระภาษีรถ”
  4. กรอกข้อมูลทะเบียนรถ + ข้อมูล พ.ร.บ.
  5. เลือกช่องทางชำระเงิน เช่น Mobile Banking, QR Code
  6. เลือกวิธีรับสติ๊กเกอร์ภาษี (ไปรษณีย์หรือรับที่ตู้ Kiosk)
  7. รอรับสติ๊กเกอร์ตามที่เลือก

จุดเด่นของแอป

  • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่
  • สแกน QR เพื่อจ่ายได้ทันที
  • รองรับการซื้อ พ.ร.บ. ควบคู่ไปในขั้นตอนเดียว

อ้างอิง : ดังนั้นใครที่กำลังหาข้อมูล “วิธีต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ ใหม่ล่าสุด 2568” สามารถเลือกช่องทางที่สะดวกที่สุด แล้วลงมือทำได้เลย ง่าย รวดเร็ว และมั่นใจได้ว่า “รถคุณพร้อมถูกกฎหมาย 100%” กดที่ลิงค์ >>https://eservice.dlt.go.th/esvapp/login.jsf

เอกสารและเงื่อนไขที่ต้องใช้ในการต่อภาษีออนไลน์

  • เล่มทะเบียนรถ (สำเนาหน้าแรก)
  • กรมธรรม์ พ.ร.บ. (ประกันภัยภาคบังคับ) ที่ยังไม่หมดอายุ และเหลือเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน
  • ใบตรวจสภาพรถ (ตรอ.) – สำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี หรือมอเตอร์ไซค์เกิน 5 ปี
  • ใบรับรองตรวจแก๊ส (LPG/CNG) – สำหรับรถที่ติดแก๊ส
  • กรณีรถเกินกำหนด ต้องชำระค่าปรับเพิ่มเดือนละ 1% ของภาษี

บทสรุป

ปี 2568 ถือเป็นปีที่การต่อภาษีรถยนต์ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบจริง ๆ เพราะมีตัวเลือกให้เลือกถึง 3 ช่องทาง ได้แก่ แอปเป๋าตัง, เว็บไซต์ DLT e-Service, และ แอป DLT Vehicle Tax Plus ช่วยให้เจ้าของรถทุกคนสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งต่างจังหวัด

การต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลาและค่าเดินทาง แต่ยังทำให้เรามั่นใจได้ว่า การใช้งานรถของเราถูกต้องตามกฎหมาย ปลอดภัย และไม่ต้องกังวลหากมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่

  • ค่าภาษีพื้นฐาน: คำนวณจากขนาดเครื่องยนต์และประเภทรถ
  • ค่าจัดส่งเอกสาร: ประมาณ 32–40 บาท
  • ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต/เดบิต: 2% + VAT 7%
  • ค่าปรับกรณีล่าช้า: 1% ต่อเดือน สูงสุด 3 ปี หากเกิน 3 ปี ทะเบียนจะถูกยกเลิก
  • ต่อภาษีล่วงหน้าได้ 90 วัน ก่อนครบกำหนด
  • ตรวจสอบกรมธรรม์ พ.ร.บ. ให้เรียบร้อยก่อนเข้าสู่ระบบ
  • หากรถเก่าเกิน 7 ปี ให้ตรวจสภาพล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถต่อภาษีได้
  • เก็บ Digital Tax Sticker ไว้ในมือถือ เผื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจระหว่างรอเอกสารตัวจ
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รย.1)
  • รถตู้/รถโดยสารเกิน 7 ที่นั่ง (รย.2)
  • รถกระบะบรรทุกส่วนบุคคล (รย.3)
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (รย.12)
  • หมายเหตุ: รถที่เกินอายุ 7 ปี (สำหรับรถยนต์) หรือเกิน 5 ปี (สำหรับมอเตอร์ไซค์) ต้องตรวจสภาพรถก่อน แล้วจึงนำผลตรวจมาอัปโหลดในระบบค่ะ