เคลมประกันรถยนต์ได้ไหม ถ้าเกิดเหตุสงคราม?

เคลมประกันรถยนต์ได้ไหม ถ้าเกิดเหตุสงคราม

เคลมประกันรถยนต์ได้ไหม ถ้าเกิดเหตุสงคราม สงคราม…ฟังดูไกลตัวแต่ก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ วันนี้เรามาดู ข้อจำกัด และ วิธีรับมือ ของประกันรถยนต์กันค่ะ

สารบัญ

ทำความเข้าใจ “สงคราม” ในกรมธรรม์

  • สงคราม (War Risk) หมายถึง การกระทำใด ๆ อันเกิดจากการประกาศสงคราม ระหว่างรัฐกับรัฐ, รัฐกับกบฏ หรือความรุนแรงที่มีเจตนาทางการเมือง

  • ภัยสงคราม มักถูกจัดอยู่ในหมวด “ภัยยกเว้น” (Exclusions) ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์หลายรูปแบบ

ประเภทประกันรถยนต์กับข้อยกเว้นสงคราม

ถ้าเกิดเหตุสงคราม ไม่มีประกันรถยนต์มาตรฐานไหนในไทยที่รับเคลมความเสียหายจากสงคราม เพราะถือเป็น “ภัยยกเว้น” ทั้งหมด

ทำไมประกันภัยรถยนต์ถึงไม่รับเคลมสงคราม?

  • ต้นทุนสูง-ไม่คุ้มค่า: สงครามทำความเสียหายวงกว้าง คาดเดาเหตุการณ์ลำบาก

  • ความเสี่ยงจากมนุษย์: เกิดจากการกระทำเชิงเจตนา ไม่ใช่ “ภัยธรรมชาติ”

  • กฎหมายและมาตรฐานสากล: ตลาดประกันทั่วโลกมักยกเว้นสงครามเป็นเงื่อนไขสำคัญ

ทางเลือกเสริมคุ้มครอง “War Risk Coverage”

  • ลอง ซื้อ War Risk Endorsement เพิ่มเติมกับบริษัทประกันที่มีให้บริการ

  • หรือ หาบริษัท International Underwriter ที่รองรับภัยสงคราม (ส่วนใหญ่สำหรับยานพาหนะระดับองค์กรใหญ่)

  • เช็คเงื่อนไข: ค่าพรีเมียมอาจสูงกว่าประกันปกติหลายเท่า

เช็คเงื่อนไขความคุ้มครองประกัน ในแต่ละประเภทอีกครั้ง 

เงือนไขข้อยกเว้นความคุ้มประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์หลักแล้ว ไม่คุ้มครองภัยสงคราม (War Risk)

วิธีตรวจสอบกรมธรรม์ก่อนซื้อ

  • อ่านเงื่อนไข Exclusions ให้ละเอียด มองหาคำว่า “War”, “Hostilities”, “Civil War”

  • สอบถามโบรกเกอร์/เจ้าหน้าที่ ขอหนังสือแนบท้าย (Endorsement) ว่า “หากเกิดสงครามจะคุ้มครองไหม”

  • เปรียบเทียบราคา–ความคุ้มครอง ระหว่างหลายเจ้า เพื่อได้พรีเมียมคุ้มค่าที่สุด

กรณีศึกษา: รถลูกค้ายิงถูกสะเก็ดระเบิด

  • เหตุการณ์: ลูกค้าจอดรถในพื้นที่กึ่งสงคราม ไฟลุกไหม้ ฝุ่นสะเก็ดระเบิด
  • ผลลัพธ์: บริษัทประกันปฏิเสธเคลม เพราะข้อยกเว้นสงคราม
  • บทเรียน: ควรมี War Risk Endorsement ถ้าอาศัยหรือเดินทางในพื้นที่เสี่ยง

มีประกันลดความเสี่ยงภัย

  • ประกันรถยนต์ ไม่คุ้มครองภัยสงคราม (War Risk)
  • หากต้องการคุ้มครองเหตุสงคราม ต้องทำ War Risk Endorsement หรือซื้อกับ Underwriter ต่างประเทศ
  • อย่าลืม อ่านเงื่อนไข Exclusions และถามโบรกเกอร์ชัดเจนก่อนเซ็นสัญญา

อ้างอิง :เงื่อนไข กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และเอกสารแนบท้าย >>> สมาคมประกันวินาศภัย

บทสรุป

ถ้าเกิดเหตุสงคราม ไม่มีประกันรถยนต์มาตรฐานไหนในไทยที่รับเคลมความเสียหายจากสงคราม เพราะถือเป็น “ภัยยกเว้น” ทั้งหมด

ขนของผิดกฏหมาย เช่น ใช้รถยนต์ขนยาเสพติด ขนของผิดกฏหมายทุกประเภท จะรู้เห็น หรือไม่รู้ หากเป็นรถที่ไม่ก่อเหตุมา บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครองรถยนต์ที่ใช้ทำสิ่งผิดกฏหมาย

เมาแล้วขับ กฏหมายกำหนดไว้ว่า ห้ามมิให้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา นอกจากจะโดนตำรวจจับแล้ว หากเรานำรถยนต์ไปเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา บริษัทประกันภัยจะไม่รับผิดชอบ เพราะมองว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ

สำหรับเหตุก่อการร้าย หรือเกิดสงครามนั้นบริษัทประกันภัยส่วนใหญ่จะไม่คุ้มครองในส่วนนี้ เช่น เหตุระเบิดรถยนต์ รถยนต์มีรอยกระสุน ภัยคุกคามต่าง ๆ โดนสารกัมมันตรังสีจากเชื้อเพลิงปรมาณูจนรถยนต์ไฟไหม้ โรงงานนิวเคลีย์ระเบิดทำให้รถยนต์เกิดความเสียหาย เป็นต้น แต่ก็มีบางบริษัทที่รับเงื่อนไขส่วนนี้ โดยให้เป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับผู้ซื้อประกัน 

ความเสียหายที่เป็นผลจากการบรรทุกน้ำหนักเกิน จะไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่ถ้าหากบรรทุกน้ำหนักเกินแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ความเสียหายที่ตามมานี้จะยังคงได้รับความคุ้มครอง

ไม่ว่าจะตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม บริษัทประกันอาจจะฟ้องร้องเรากลับขึ้นมาได้ เพราะบริษัทประกันจะมองว่าเป็นการจงใจให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น และอาจจะเข้าข่ายผิดกฏหมายตามมาตรา 358 อีกด้วย

การใช้รถยนต์ในทางที่ผิดประเภท ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่บริษัทประกันภัยจะไม่รับเคลม เช่น การใช้รถเป็นรถสารธาณะเพื่อใช้หารายได้นั้น ทางบริษัทประกันภัยจะมองว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น อย่างเช่น การนำรถยนต์ส่วนบุคคล ไปใช้รับคนเป็นแท็กซี่ หรือแอปอูเบอร์ต่าง ๆ หากเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธความคุ้มครองได้

ไม่ว่าจะแต่งเติมเสริมความสวย เสริมสมรรถภาพ รวมถึงระบบแก๊สรถยนต์ ก็ต้องแจ้งบริษัทประกันภัยให้ทราบ บริษัทประกันภัยส่วนใหญ่ให้ความคุ้มครองต่ออุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมาจากโรงงานเท่านั้น หากไม่แจ้งให้บริษัททราบ บริษัทอาจพิจารณาชดใช้เฉพาะชิ้นส่วนมาตรฐานไม่รวมส่วนปรับปรุงเพิ่มเติม