ฉลาดจ่ายภาษีแบบคนมีแผน

ฉลาดจ่ายภาษีแบบคนมีแผน

ฉลาดจ่ายภาษีแบบคนมีแผน

ทุกสิ้นปี…คนทำงานและเจ้าของกิจการต่างเริ่มหาวิธี “วางแผนภาษี” เพื่อไม่ให้เสียภาษีเกินความจำเป็น ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ “การซื้อประกันลดหย่อนภาษี” เพราะนอกจากช่วยประหยัดภาษีได้จริงแล้ว ยังได้ความคุ้มครองและผลตอบแทนกลับคืนมาอีกด้วย

การวางแผนภาษีจึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “ตัวเลข” แต่คือ “กลยุทธ์ทางการเงิน” ที่คนฉลาดเลือกใช้ เพื่อให้เงินทุกบาททำงานได้คุ้มค่าที่สุดค่ะ

Add Your Heading Text Here

สารบัญ

อย่าปล่อยให้ภาษีกลายเป็นภาระที่จ่ายไปเปล่า ๆ เพียงแค่วางแผนให้ดี

ถ้าไม่รู้จักวางแผนภาษี จะเกิดอะไร

รู้ไหมคะว่า…ทุกปีเราทำงานเหนื่อยแทบแย่ แต่สุดท้ายกลับต้อง “เสียภาษีมากเกินจำเป็น” เพราะไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า หลายคนรู้ตัวอีกทีตอนต้องยื่นภาษี ก็สายไปแล้ว —
จ่ายภาษีเต็ม ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้วสามารถ “ประหยัดได้เป็นหมื่น หรือบางคนเป็นแสนบาท” แค่รู้จักวางแผนเท่านั้น!

การไม่วางแผนภาษี = เสียโอกาสหลายต่อเลยค่ะ

  • ❌ เสียเงินจ่ายภาษีมากกว่าที่ควร
  • ❌ พลาดสิทธิลดหย่อนจากประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ
  • ❌ ไม่มีหลักประกันรองรับความเสี่ยงในชีวิต
  • ❌ พลาดการออมระยะยาวที่ได้ทั้งดอกผลและความคุ้มครอง

ในทางกลับกัน ถ้าเราเริ่ม “วางแผนภาษีตั้งแต่วันนี้”  เงินที่ต้องจ่ายภาษีอยู่แล้ว…ก็สามารถเปลี่ยนเป็น “เงินออมที่สร้างความมั่นคง” และยังได้ “คุ้มครองชีวิต-สุขภาพ” ไปพร้อมกันอีกด้วยค่ะ

 

เริ่มต้นวางแผนภาษีง่าย ๆ ด้วย 3 ขั้นตอน

ดูรายได้สุทธิประจำปีเพื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ฐานภาษีไหน (5%, 10%, 20%, 30%)
เพราะฐานภาษีจะบอกเลยว่า “ซื้อประกันเท่าไรถึงจะคุ้มที่สุด”
ตัวอย่างเช่น

  • ฐานภาษี 10% → ซื้อประกันลดหย่อน 100,000 บาท ประหยัดได้ 10,000 บาท
  • ฐานภาษี 20% → ซื้อประกันลดหย่อน 100,000 บาท ประหยัดได้ 20,000 บาท

1.เช็กฐานภาษีของตัวเองก่อน

ดูรายได้สุทธิประจำปีเพื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ฐานภาษีไหน (5%, 10%, 20%, 30%)
เพราะฐานภาษีจะบอกเลยว่า “ซื้อประกันเท่าไรถึงจะคุ้มที่สุด”
ตัวอย่างเช่น

  • ฐานภาษี 10% → ซื้อประกันลดหย่อน 100,000 บาท ประหยัดได้ 10,000 บาท
  • ฐานภาษี 20% → ซื้อประกันลดหย่อน 100,000 บาท ประหยัดได้ 20,000 บาท
tax-computation-table

ตารางภาษีแบบขั้นบันได สามารถทำได้ง่ายด้วยตัวเอง ด้วยการใช้ข้อมูลของเงินเดือน และฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งวิธีคำนวณภาษีจะทำได้ ดังนี้

ตัวอย่างสำหรับผู้ที่มีเงินเดือน 50,000 บาท

  • รายได้รวมประจำปี:50,000 × 12 = 600,000 บาท
  • หักค่าใช้จ่าย:50% ของ 600,000 = 300,000 บาท (แต่ใช้ได้สูงสุดเพียง 100,000 บาท)
  • หักลดหย่อนส่วนตัว:60,000 บาท
  • คำนวณรายได้สุทธิ:600,000 – 100,000 – 60,000 = 440,000 บาท
  • คำนวณภาษี:
    • รายได้ 150,000 แรก: 0 บาท
    • ส่วนที่เกิน 150,000: 440,000 – 150,000 = 290,000 บาท
      • 150,000 บาทแรกในส่วนนี้คิด 5% = 150,000 × 0.05 = 7,500 บาท
      • ส่วนที่เหลือ 290,000 – 150,000 = 140,000 บาท คิด 10% = 140,000 × 0.10 = 14,000 บาท
  • ภาษีที่ต้องจ่าย: 7,500 + 14,000 = 21,500 บาท

อย่าปล่อยให้ภาษีกลายเป็นภาระที่จ่ายไปเปล่า ๆ เพียงแค่วางแผนให้ดี และเลือกแบบประกันที่เหมาะกับตัวเอง ก็จะได้ทั้ง ความคุ้มครอง + เงินออม + สิทธิลดหย่อนภาษี ครบในหนึ่งเดียว

2.ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีให้ครบทุกช่อง

ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, ประกันบำนาญ, SSF หรือ RMF
การกระจายการลงทุนหลายทางจะช่วยให้ได้สิทธิ์เต็มตามเพดานที่กฎหมายกำหนด

รวม ค่าลดหย่อนภาษีขั้นบันได 2568

ก่อนที่จะยื่นภาษีในปีนี้ เราขอแนะนำให้คุณลองดูรายละเอียดเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี 2568 ซึ่งจะมีส่วนที่น่าสนใจ ดังนี้

  • ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล:60,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนคู่สมรส:60,000 บาทสำหรับสามีหรือภรรยา
  • ค่าลดหย่อนบุตร:30,000 ถึง 60,000 บาทต่อบุตร 1 คน
  • ค่าลดหย่อนบิดามารดา:30,000 บาทต่อคน
  • ค่าลดหย่อนผู้พิการหรือทุพพลภาพ:60,000 บาทต่อคน
  • ค่าฝากครรภ์และทำคลอด:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 60,000 บาทต่อครรภ์
  • เบี้ยประกันชีวิตทั่วไปและเงินฝากแบบมีประกันชีวิต:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท
  • เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท
  • เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 25,000 บาท และรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปไม่เกิน 100,000 บาท
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และ กบข.:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15% ของเงินเดือน ส่วน กบข. สูงสุด 30% ของเงินเดือนและรวมแล้วไม่เกิน 500,000 บาท
  • ค่ากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF):ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้วไม่เกิน 500,000 บาท
  • เบี้ยประกันชีวิตบำนาญ:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีแต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้วไม่เกิน 500,000 บาท
  • เงินประกันสังคม:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 9,000 บาท
  • กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.):ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้วไม่เกิน 500,000 บาท
  • ดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัย:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท
  • เงินบริจาคพรรคการเมือง:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 10,000 บาท
  • เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท
  • ค่ากองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG):ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 300,000 บาท
  • ค่าสร้างบ้านใหม่:10,000 บาทต่อค่าการก่อสร้างทุก 1,000,000 บาท และรวมแล้วไม่เกิน 100,000 บาท
  • ค่าลดหย่อน Easy E-Receipt 2.0:ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 50,000 บาท
  • เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ:2 เท่าของเงินบริจาคที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน
  • เงินบริจาคทั่วไป: ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่ารถหย่อน

3.วางแผนล่วงหน้า อย่ารอปลายปี

เพราะการซื้อประกันบางแบบต้องผ่านขั้นตอนอนุมัติหรือการตรวจสุขภาพ
หากรอจนใกล้สิ้นปี อาจไม่ทันใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ในปีนั้นค่ะ

ประกันแบบไหนลดหย่อนภาษีได้บ้าง

1. ประกันชีวิตทั่วไป
  • ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท
  • ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองอย่างน้อย 10 ปี
    ✅ เหมาะกับคนที่อยากออมเงินระยะยาว ได้เงินคืน และมีความคุ้มครองชีวิต
2. ประกันชีวิตแบบบำนาญ
  • ลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท
  • รวมกับ RMF แล้วไม่เกิน 500,000 บาท
    ✅ เหมาะสำหรับคนที่วางแผนเกษียณ อยากมีรายได้แน่นอนหลังวัยทำงาน
3. ประกันสุขภาพของตนเอง
  • ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท
  • รวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท
    ✅ เหมาะกับคนวัยทำงานที่ต้องการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล
4. ประกันสุขภาพพ่อแม่
  • ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาทต่อคน
    ✅ ได้ทั้งดูแลครอบครัวและใช้สิทธิ์ลดหย่อนเพิ่ม

 

ซื้อเท่าไรดี ถึงจะคุ้มกับภาษี

ซื้อเท่าที่เหมาะกับฐานภาษีและกำลังจ่าย ไม่ควรซื้อเกินความสามารถค่ะ
แนวทางเบื้องต้นคือ

ฐานภาษีเบี้ยประกันชีวิตที่เหมาะสมประหยัดภาษีได้โดยประมาณ
10%30,000–50,000 บาท3,000–5,000 บาท
20%70,000–100,000 บาท14,000–20,000 บาท
30%200,000–300,000 บาท60,000–90,000 บาท

นอกจากการประหยัดภาษีแล้ว การซื้อประกันยังเป็น “การลงทุนเพื่อความอุ่นใจในอนาคต”
เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด เงินประกันจะเป็นหลักประกันสำคัญให้คนในครอบครัวค่ะ

อ้างอิง : ศึกษาข้อมูล การลดหย่อน ตรวจสอบการยื่นเสียภาษีได้ที่เว็บกรมสรรพากร https://www.rd.go.th/272.html

บทสรุป

อย่าปล่อยให้ภาษีกลายเป็นภาระที่จ่ายไปเปล่า ๆ เพียงแค่วางแผนให้ดี และเลือกประกันที่เหมาะกับตัวเอง ก็จะได้ทั้ง ความคุ้มครอง + เงินออม + สิทธิลดหย่อนภาษี ครบในหนึ่งเดียว

ถ้าพี่นิดหรือใครกำลังมองหาประกันลดหย่อนภาษี มาที่นี่เลย Srikrung Network เพราะเรามีแผนประกันให้เลือกจาก กว่า 16 บริษัทชั้นนำของไทย เลือกได้ตามงบและเป้าหมายภาษีของคุณ จะเน้นคุ้มครอง หรือเน้นออม หน่อยกับทีมช่วยวางแผนให้ได้เลยค่ะ

รู้ไหมคะว่า…ทุกปีเราทำงานเหนื่อยแทบแย่ แต่สุดท้ายกลับต้อง “เสียภาษีมากเกินจำเป็น” เพราะไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า หลายคนรู้ตัวอีกทีตอนต้องยื่นภาษี ก็สายไปแล้ว —จ่ายภาษีเต็ม ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้วสามารถ “ประหยัดได้เป็นหมื่น หรือบางคนเป็นแสนบาท” แค่รู้จักวางแผนเท่านั้น!

การไม่วางแผนภาษี = เสียโอกาสหลายต่อเลยค่ะ

  1. เช็กฐานภาษีของตัวเองก่อน
    ดูรายได้สุทธิประจำปีเพื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ฐานภาษีไหน (5%, 10%, 20%, 30%)
    เพราะฐานภาษีจะบอกเลยว่า “ซื้อประกันเท่าไรถึงจะคุ้มที่สุด”
    ตัวอย่างเช่น

    1. ฐานภาษี 10% → ซื้อประกันลดหย่อน 100,000 บาท ประหยัดได้ 10,000 บาท

    2. ฐานภาษี 20% → ซื้อประกันลดหย่อน 100,000 บาท ประหยัดได้ 20,000 บาท

  2. ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีให้ครบทุกช่อง
    ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, ประกันบำนาญ, SSF หรือ RMF
    การกระจายการลงทุนหลายทางจะช่วยให้ได้สิทธิ์เต็มตามเพดานที่กฎหมายกำหนด

  3. วางแผนล่วงหน้า อย่ารอปลายปี
    เพราะการซื้อประกันบางแบบต้องผ่านขั้นตอนอนุมัติหรือการตรวจสุขภาพ
    หากรอจนใกล้สิ้นปี อาจไม่ทันใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ในปีนั้นค่ะ

1. ประกันชีวิตทั่วไป

ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท

ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองอย่างน้อย 10 ปี
✅ เหมาะกับคนที่อยากออมเงินระยะยาว ได้เงินคืน และมีความคุ้มครองชีวิต

2. ประกันชีวิตแบบบำนาญ

ลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท

รวมกับ RMF แล้วไม่เกิน 500,000 บาท
✅ เหมาะสำหรับคนที่วางแผนเกษียณ อยากมีรายได้แน่นอนหลังวัยทำงาน

3. ประกันสุขภาพของตนเอง

ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท

รวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท
✅ เหมาะกับคนวัยทำงานที่ต้องการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล

4. ประกันสุขภาพพ่อแม่

ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาทต่อคน
✅ ได้ทั้งดูแลครอบครัวและใช้สิทธิ์ลดหย่อนเพิ่ม