ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ

ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ

ในชีวิตของผู้ใช้รถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนต้องส่งรถเข้าซ่อม เรามักคิดถึงค่าซ่อม ค่าเสียหายของตัวรถเป็นหลัก แต่หลายครั้งมองข้ามอีกหนึ่งสิทธิที่ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องได้ นั่นคือ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
โดยหมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการที่เราไม่สามารถใช้รถได้ตามปกติ เช่น ต้องเดินทางด้วยแท็กซี่ / เช่ารถ / ใช้บริการขนส่งอื่น ซึ่งถือเป็นความเสียหายที่ควรได้รับการชดเชยจากคู่กรณีหรือบริษัทประกั

ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คืออะไร?

สารบัญ

ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คือ ค่าชดเชยที่เจ้าของรถซึ่งเป็นฝ่ายถูกสามารถเรียกร้องจากคู่กรณีหรือบริษัทประกันภัยของคู่กรณีได้ ในกรณีที่ต้องเอารถเข้าซ่อมในอู่ ทำให้เราไม่สามารถใช้รถได้ตามปกติ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างที่ไม่มีรถใช้ เช่น ค่าเดินทาง ค่าแท็กซี่ หรือค่าเช่ารถเหล่านี้ ถือเป็นความเสียหายที่เราสามารถเรียกร้องจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดได้

สถานการณ์ที่สามารถเรียกร้องได้

พอสรุปได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ – คุณมีโอกาสเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ได้

  • เมื่อ รถของคุณถูกรถคันอื่นชน และคุณเป็น ฝ่ายถูก
  • เมื่อ รถของคุณต้องเข้าอู๋ซ่อมจน ไม่สามารถใช้งานได้
  • ในช่วงเวลาที่ไม่มีรถใช้ ต้อง “เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม” เช่น ค่ารถแท็กซี่ / ค่าเช่ารถ / ค่าขนส่งอื่น

วิธีคำนวณค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ

อัตราค่าชดเชยที่สามารถเรียกร้องได้ทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 500 – 1,000 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ หลักฐานประกอบที่นำมาใช้ในการเรียกร้อง

เพื่อให้เรียกร้องได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรม ควรพิจารณาปัจจัยหลักดังนี้

  • ระยะเวลาซ่อม: จำนวนวันตั้งแต่วันส่งซ่อมจนถึงวันที่รับรถกลับ
  • ประเภทรถ: รถส่วนบุคคล, รถรับจ้าง, รถโดยสาร ต่างมีอัตราค่าชดเชยแตกต่างกัน
  • ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง: เช่น ค่าเช่ารถระหว่างซ่อม, ค่าเดินทางแท็กซี่, ค่าใช้บริการขนส่งอื่น

ตัวอย่างอัตราที่อ้างอิงได้: มักอยู่ระหว่าง 500 – 1,000 บาทต่อวัน (ขึ้นกับประเภทรถ และหลักฐานประกอบ)

ขั้นตอนการยื่นเรียกร้อง
  1. แจ้งบริษัทประกันของคู่กรณีว่าต้องการ “เรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
  2. ยื่นเอกสารทั้งหมดภายใน 30 วัน หลังจากรับรถออกจากอู่
  3. รอการตรวจสอบเอกสารและอนุมัติ
  4. บริษัทจะโอนเงินชดเชยเข้าบัญชีธนาคารที่ระบุไว้

กรณีมีปัญหา เช่น บริษัทไม่ยอมชดเชย หรือจ่ายช้าผิดปกติ สามารถร้องเรียนได้ที่ คปภ. (สายด่วน 1186) ค่ะ

เมื่อ รถของคุณถูกรถคันอื่นชน และคุณเป็น ฝ่ายถูก รถของคุณต้องเข้าอู่ซ่อม ในช่วงเวลาที่ไม่มีรถใช้ ต้อง “เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม” สามารถจะเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากประกันฝ่ายผิดได้ หรือ คู่กรณีฝ่ายผิด

เอกสารประกอบการเรียกร้อง

เพื่อเตรียมการขอรับค่าขาดประโยชน์อย่างครบถ้วน ควรเตรียมเอกสารดังนี้

  1. แบบฟอร์มเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
  2. ใบเคลม / ใบรับรถเข้าอู๋
  3. หนังสือรับรองระยะเวลาที่รถอยู่ในอู๋
  4. สำเนาบัตรประชาชน / ทะเบียนรถ
  5. สำเนาผู้ขับขี่ (วันที่เกิดเหตุ)
  6. สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร (เพื่อรับเงินชดเชย)
  7. หลักฐานการใช้บริการพาหนะอื่น (แท็กซี่, เช่ารถ ฯลฯ)

เมื่อตรวจเอกสารครบถ้วนแล้ว ให้ส่งแบบฟอร์มพร้อมหลักฐานไปยังบริษัทประกันภัยของคู่กรณี (หรือตัวคู่กรณี) เพื่อดำเนินการเรียกร้องค่ะ

เวลารถเกิดอุบัติเหตุจนต้องเข้าอู่ซ่อม นอกจากความเสียหายต่อรถแล้ว สิ่งที่เจ้าของรถหลายคนมักมองข้ามก็คือ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “ค่าเสียเวลาและค่าใช้จ่ายระหว่างที่ไม่มีรถใช้”

สิทธินี้เกิดขึ้นเพื่อชดเชยเจ้าของรถที่ต้องเสียโอกาสในการใช้รถในชีวิตประจำวัน เช่น

  • ต้องนั่งแท็กซี่ไปทำงานทุกวัน
  • ต้องเช่ารถคันอื่นใช้แทน
  • ต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะจนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ค่าขาดประโยชน์จึงเป็น สิทธิเรียกร้องของผู้เสียหายที่ไม่ใช่ฝ่ายผิด ในกรณีที่คู่กรณีมีประกันภัย (โดยเฉพาะประกันภัยชั้น 1 และ 2+)
บริษัทประกันของฝ่ายผิดจะต้องชดเชยตามจำนวนวันที่รถของผู้เสียหายไม่สามารถใช้งานได้ค่ะ 🚗

ใครเป็นคนเรียกร้อง ?

ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถถือเป็น สิทธิที่ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุควรได้รับ เป็นการชดเชยความไม่สะดวกและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีรถใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น หากเกิดประสบอุบัติเหตุแล้วไม่ได้เป็นฝ่ายผิด อย่าลืมใช้สิทธินี้เรียกร้อง เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมและเยียวยาอย่างเหมาะสมค่ะ

อ้างอิง : ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ = สิทธิของเจ้าของรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย
อย่าปล่อยให้สิทธินี้สูญเปล่า เพียงเพราะไม่รู้ เพราะในบางเคส คุณอาจเรียกร้องได้หลายพันบาทเลยทีเดียว!

ตัวอย่างสถานการณ์ที่สามารถเรียกร้องได้

  • รถของคุณถูกรถคันอื่นชน และบริษัทประกันของคู่กรณีเป็นฝ่ายรับผิดชอบ
  • รถต้องเข้าอู่ซ่อม 3 – 10 วัน ในช่วงนี้คุณไม่สามารถใช้รถทำงาน รับส่งลูก หรือทำธุระส่วนตัวได้
  • คุณมีค่าใช้จ่ายจริงในการเดินทาง เช่น ค่ารถแท็กซี่ ค่าเช่ารถ หรือค่าน้ำมันรถคันอื่นที่ต้องยืมใช้

บทสรุป

  • อย่ามองข้ามสิทธิเล็ก ๆ นี้ เพราะมันคือ “เงินที่คุณควรได้”
  • ทุกครั้งที่รถเข้าอู่จากอุบัติเหตุที่คุณไม่ผิด ให้ถามเจ้าหน้าที่เคลมทันทีว่า “มีสิทธิเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ไหม?”
  • ถ้าคุณซื้อประกันกับ ศรีกรุงโบรคเกอร์ เจ้าหน้าที่จะช่วยดูแลขั้นตอนนี้ให้ครบ ตั้งแต่แจ้งเคลม จนถึงรับเงินเข้าบัญชีเลยค่ะ

เวลารถเกิดอุบัติเหตุจนต้องเข้าอู่ซ่อม นอกจากความเสียหายต่อรถแล้ว สิ่งที่เจ้าของรถหลายคนมักมองข้ามก็คือ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “ค่าเสียเวลาและค่าใช้จ่ายระหว่างที่ไม่มีรถใช้”

สิทธินี้เกิดขึ้นเพื่อชดเชยเจ้าของรถที่ต้องเสียโอกาสในการใช้รถในชีวิตประจำวัน เช่น

  • ต้องนั่งแท็กซี่ไปทำงานทุกวัน
  • ต้องเช่ารถคันอื่นใช้แทน
  • ต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะจนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ค่าขาดประโยชน์จึงเป็น สิทธิเรียกร้องของผู้เสียหายที่ไม่ใช่ฝ่ายผิด ในกรณีที่คู่กรณีมีประกันภัย (โดยเฉพาะประกันภัยชั้น 1 และ 2+)
บริษัทประกันของฝ่ายผิดจะต้องชดเชยตามจำนวนวันที่รถของผู้เสียหายไม่สามารถใช้งานได้ค่ะ 🚗

บริษัทประกันแต่ละแห่งจะมีหลักเกณฑ์คำนวณต่างกันเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปจะพิจารณาจาก

ประเภทรถอัตราชดเชยโดยประมาณ (บาท/วัน)
รถเก๋งส่วนบุคคล500 – 700 บาท
รถกระบะส่วนบุคคล700 – 900 บาท
รถตู้ / รถรับจ้าง / รถใช้ในกิจการ800 – 1,200 บาท

👉 จำนวนวันคำนวณตั้งแต่วันเข้าอู่จนถึงวันรับรถกลับ
ยกตัวอย่างเช่น รถเก๋งเข้าอู่ 7 วัน บริษัทอาจชดเชย 500 × 7 = 3,500 บาทค่ะ

เพื่อให้การขอรับเงินชดเชยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ควรเตรียมเอกสารดังนี้

  1. แบบฟอร์มเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ (ขอได้จากบริษัทประกันของคู่กรณี)
  2. สำเนาใบเคลม / ใบรับรถเข้าอู่
  3. หนังสือรับรองจากอู่ซ่อม (ระบุวันที่รถเข้าซ่อม – วันที่เสร็จ)
  4. สำเนาบัตรประชาชนและใบขับขี่ของผู้ขับขี่
  5. สำเนาทะเบียนรถ
  6. สำเนาสมุดบัญชีธนาคารเพื่อรับโอนเงิน
  7. ใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี เช่น ค่าแท็กซี่ ค่าเช่ารถ)

💡 เคล็ดลับ: ถ้ามีหลักฐานการใช้จ่ายจริง เช่น บิลค่าแท็กซี่ หรือสัญญาเช่ารถ จะช่วยให้ได้รับการพิจารณาชดเชยเร็วขึ้นค่ะ