ประกันรถมอเตอร์ไซต์ คุ้มครองอะไรบ้าง ก่อนจะเป็นวิถีแห่งไบค์เกอร์

ประกันรถมอเตอร์ไซต์ คุ้มครองอะไรบ้าง

เราควรจะทำประกันรถให้กับมอเตอร์ไซต์ คันโปรดของเรา ที่อุตสาห์เก็บหอมรอมริบมาด้วยน้ำพักน้ำแรง เพราะมอเตอร์ไซค์ เป็นยานพาหนะที่สะดวก รวดเร็ว และมีคนใช้มากที่สุดในประเทศ แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาล่ะ ประกันภัยมอเตอร์ไซค์จะสามารถให้ความคุ้มครองแบบใดแก่เราได้บ้าง วันนี้ 724 จะมาแนะนำประกันภัย แบบฉบับวิถีไบค์เกอร์ให้ดูกัน

ประกันชั้น 1

เหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น1 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งหมดเท่าที่จะให้ได้ ซึ่งเบี้ยประกันที่มีราคาค่อนข้างสูง จึงอาจจะเหมาะกับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์มากกว่า แต่โดยภาพรวมแล้ว ถือว่าเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น

• คุ้มครองคู่กรณี, ผู้เอาประกัน
• รับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และค่ารักษาพยาบาล
• คุ้มครองต่อกรณีรถสูญหาย และไฟไหม้
• คุ้มครองจากการลื่นล้มเองโดยไม่ต้องเกิดจากอุบัติเหตุ และไม่ต้องมีคู่กรณี

ประกันชั้น 2+

เป็นประกันที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะประหยัด และหาซื้อได้ง่าย ซึ่งคล้ายกับประกันชั้น1 เป็นอย่างมาก แต่ต่างกันตรงที่ ถูกกว่า และไม่คุ้มครองกรณีรถล้มเอง หรือไม่มีคู่กรณี

ประกันชั้น 3+

คล้ายกับเบี้ยประกันชั้น2 แต่เบี้ยประกันมีราคาถูกกว่า และให้ความคุ้มครองที่น้อยกว่าเล็กน้อย คือ ไม่คุ้มครองกรณีไฟไหม้ และรถสูญหาย

ประกันชั้น 3

ได้รับความนิยมน้อยสุด ถึงแม้ว่าจะมีเบี้ยประกันราคาถูกที่สุดก็ตาม เนื่องจากให้ความคุ้มครองความเสียหาย และทรัพย์สินแก่คู่กรณีเท่านั้น แต่ไม่ได้คุ้มครองมอเตอร์ไซค์คันเก่งของเราด้วย แต่แนะนำให้ซื้อเก็บไว้ดีกว่าไม่มี

ประกันมอเตอร์ไซค์สูญหาย

เป็นกรมธรรม์พิเศษ ที่มีแต่ในเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น ให้ความคุ้มครองในการถูกโจรกรรม สูญหาย ชิงทรัพย์ และกรณีเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยรถป้ายแดง จะมีทุนประกันประมาณ 80% ของราคารถ รถอายุ 1-3 ปี จะลดลงปีละ 10% ส่วนรถที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไป จะมีทุนเหลือเพียง 10,000 ถึง 6,000 บาท เท่านั้น

วิธีการเลือกประกันว่าแบบไหนถึงเหมาะกับเรา สิ่งที่เราจะต้องพิจารณา คือ

1.ลักษณะการใช้รถ

ใช้ขับขี่ประจำทุกวัน ควรที่จะเลือกความคุ้มครองที่ครอบคลุม รวมทั้งเรื่องสูญหาย ไฟไหม้ 1,2+ แต่ถ้านานเราจะขับที อวดโชว์ ใกล้ๆ บ้าน เราเลือกแบบ 3+,3 เนื่องจากราคาของประกันภัยชั้นนี้ราคาไม่สูงนัก อีกทั้งยังคุ้มครองคู่กรณี เมื่อเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

2.สำรวจประเภทและชนิดของมอเตอร์ไซค์เรา

พอเราสำรวจพฤติกรรมการขับขี่ของเราแล้ว นอกจากนี้เรายังต้องสำรวจประเภทรถของเราด้วย เพราะว่าประกันภัยประเภทต่างๆ ให้ความคุ้มครองที่ต่างกัน เรามาดูกันเลยว่าเราขับรถประเภทไหน

• รถมอเตอร์ไซค์ขนาดน้อยกว่า 500 cc : รถมอเตอร์ไซค์ขนาดนี้จริงๆ ควรเลือกประกันภัยมอเตอร์ไซค์ชั้น 2+ หรือ 3+ ก็ได้ เนื่องจากมีราคาที่ต่ำกว่าประกันภัยชั้น 1 อีกทั้งยังให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่าอีกด้วย
• รถมอเตอร์ไซค์ขนาดมากกว่า 500 cc : มอเตอร์ไซค์ขนาดนี้ หรือที่เราคุ้นชินว่ารถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์นั่นเอง ส่วนใหญ่จะนิยมประกันชั้น 1 นอกจากจะให้ความคุ้มครองที่ครบครันแล้วนั้น ยังคุ้มครองกรณีรถมอเตอร์ไซค์ของเราสูญหายเพราะมอเตอร์ไซค์ของเรามีราคาสูง ก็ต้องเลือกประกันที่คุ้มครองครอบคลุมที่สุด

3. เปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขของบริษัทประกันต่างๆ

แน่นอนว่าทุกวันนี้บริษัทประกันภัยต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เงื่อนไขและข้อยกเว้นของประกันภัยก็ย่อมมีหลากหลายรูปแบบเพื่อรองรับผู้ที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ แต่เราจะเลือกซื้อหรือเปรียบเทียบยังไงละ มาดูกันเลย

• ค่าเสียหายส่วนแรก : เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่ทำประกันจะต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันภัยนั้นๆ ก่อนเคลม ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด แต่ถ้าในกรณีที่เราเป็นฝ่ายถูกเราก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนแรกให้กับบริษัทประกัน
• ทุนประกัน : เป็นค่าสินไหมทดแทนที่จะได้รับจากบริษัทเมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของเราเกิดความเสียหาย โดยที่ทุนประกันของเราสูงมากเท่าไหร่ เบี้ยประกันของเราก็จะสูงตามไปด้วย
• ความคุ้มครอง : ความคุ้มครองหรือเงื่อนไขของแต่บริษัทจะแบ่งเป็น 2 ประเภท นั่นคือ

– ความคุ้มครองหลัก ซึ่งจะดูแลค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น คุ้มครองคู่กรณี ค่าซ่อมรถมอเตอร์ไซค์เรา ก็ขึ้นอยู่กับความคุ้มครองที่เราเลือก

– ความคุ้มครองเสริม เป็นความคุ้มครองที่เราซื้อเพิ่มจากประกันที่เรามีอยู่แล้ว เพื่อที่จะดูแลคุ้มครองเราด้านอื่นๆ เช่น คุ้มครองเราเวลาเราต่อสู้คดี ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เป็นต้น

และนี่ก็คือประกันรถมอเตอร์ไซค์ที่เรานำมาฝากกัน เพื่อการตัดสินใจก่อนเป็นไบค์เกอร์ หากสนใจซื้อประกันภัยออนไลน์ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ สอบถามได้ 24 ชั่วโมง ลองคลิกเลยที่ http://www.724prakan.com/อย่าลืมให้ 724 ประกันภัย ดูแลคุณ

สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่